แสนสิริ รุดหน้าโร้ดแมป พันธกิจ Net-Zero ปี 2022 สู่บ้านลดคาร์บอนแห่งอนาคต สร้าง Smart Green-Energy Living Ecosystem ครั้งแรก! ของอสังหาฯไทย
แสนสิริ รุดหน้าโร้ดแมป พันธกิจ Net-Zero ปี 2022 สู่บ้านลดคาร์บอนแห่งอนาคต
สร้าง ‘Smart Green-Energy Living Ecosystem’ ครั้งแรก! ของอสังหาฯไทย
ย้ำแท่นผู้นำอสังหาฯรายแรก ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น ”ศูนย์” ปี 2050
ชี้วาระโลก COP27 และ APEC2022 ทุกภาคส่วนไทยต้องเร่งระดม ช่วยแก้ลดมลภาวะครั้งใหญ่
- แสนสิริ รายแรกอสังหาฯไทย! ยกระดับติดตั้งทั้ง Solar Roof และ EV Charger 100% ให้เป็นโมเดลมาตรฐานในบ้านทุกรูปแบบ ทุกเซ็กเม้นท์ ผลักดันสู่เป้าพันธกิจ Net-Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น ”ศูนย์” ในปี 2050
- เดินหน้าโร้ดแมป ปี2022 สู่อนาคต สร้าง “Smart Green-Energy Living Ecosystem” การอยู่อาศัยแห่งอนาคตเต็มรูปแบบ วัสดุบ้านจากโรงงานพรีคาสต์สีเขียว-บ้านพลังงานสะอาดจากโซล่าร์-เดินทางใช้ EV Charger
- ตอกย้ำผู้นำอันดับหนึ่ง! ติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger จำนวนมากที่สุดในวงการอสังหา Solar Roof 100% ติดตั้งแล้วกว่า 600 หลัง ในบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทุกหลัง ทุกเซ็กเมนท์ EV Charger 100% ติดตั้งในโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนโครงการใหม่ 300 หลัง และ อสังหาฯรายแรกที่ติดตั้ง EV Charger ในคอนโดมาแล้วกว่า 10 ปี
- ชี้ข้อสรุป COP27 วาระโลก และ APEC2022 เน้นย้ำ Net-Zero ประเด็นที่ทุกภาคส่วนในประเทศไทย ต้องช่วยกันเร่งแก้ลดมลภาวะโลกครั้งใหญ่
- ลูกบ้านแสนสิริ มีส่วนร่วมช่วยลดปล่อยก๊าซคาร์บอน จากการซื้อบ้านแสนสิริในทุกโครงการใหม่แล้วกว่า 31 โครงการปีนี้ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศแล้วกว่า 1,477 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 106,974 ต้น ช่วยประหยัดเงินค่าไฟ ได้แล้วกว่า 21 ล้านบาท ต่อปี
- เตรียมจับมือพันธมิตรธนาคารชั้นนำส่งสินเชื่อโซล่าร์เพื่อการใช้พลังงานสะอาด สำหรับที่อยู่อาศัย ลูกบ้านแสนสิริในโครงการเก่า เข้าถึง Solar Roof ได้ง่ายขึ้น เพื่อรองรับดีมานด์ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น และราคาค่าไฟสูงขึ้น
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริ ตอกย้ำบทบาทองค์กรสีเขียว (Green organization) ที่ขับเคลื่อนนโยบายและพันธกิจความยั่งยืนอย่างจริงจังมาแล้วกว่า 5 ปี สู่การประกาศเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น “ศูนย์” (Net-Zero) ภายในปี 2050 เพื่อมุ่งสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ข้อสรุปจากวาระโลก COP27 และ APEC2022 ซึ่งยังคงเน้นย้ำ Net-Zero ประเด็นที่ทุกภาคส่วนทั่วโลก ต้องช่วยกันเร่งแก้ ลดมลภาวะโลกให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งรวมถึงการจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการทรัพยากรยั่งยืน ตลอดจนการลดและจัดการของเสียอย่างยั่งยืน
ในปีนี้ แสนสิริ เดินหน้ารุกเป้าพันธกิจ Net-Zero อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง โดยเป็นอสังหาฯรายแรกในประเทศไทยที่สร้าง “Smart Green-Energy Living Ecosystem” การอยู่อาศัยแห่งอนาคตเต็มรูปแบบที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งลูกบ้านแสนสิริ มีส่วนร่วมช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จากการซื้อบ้านแสนสิริทุกโครงการใหม่แล้วกว่า 31 โครงการในปีนี้ จากต้นทางจนถึงปลายทางที่ใช้พลังงานสะอาดภายในบ้าน เริ่มต้นจากวัสดุบ้านที่ผลิตจากโรงงานพรีคาสต์สีเขียวของแสนสิริ ซึ่งเป็นโรงงานสีเขียวแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่แทบจะมี Waste เป็นศูนย์ บ้านพลังงานสะอาดจากโซล่าร์ ติดตั้ง Solar Roof 100% ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร ไอออน เอนเนอร์ยี่ เพื่อใช้พลังงานสะอาดในการใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจน ติดตั้ง EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในการเดินทาง พร้อมยกระดับติดตั้งทั้ง Solar Roof และ EV Charger 100% ให้เป็นโมเดลมาตรฐานในทุกโครงการใหม่ของบ้านทุกรูปแบบ ทุกระดับเซ็กเม้นท์ ซึ่งแสนสิริ ยังเป็นอสังหาฯไทยรายแรก
ที่เริ่มติด EV Charger ในคอนโดมิเนียม มาแล้วกว่า 10 ปี และติดตั้งมากที่สุดในวงการอสังหาฯ กว่า 50 โครงการ รวมจำนวนกว่า 580 หัวชาร์จ เพื่อผลักดันสู่เป้าพันธกิจ Net-Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น ”ศูนย์” ในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม และการสร้าง Low-Energy Home บ้านต้นแบบที่เตรียมนำร่องเปิดตัวในช่วงต้นปี 2566 สอดรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยโดยส่วนหนึ่ง คำนึงถึงนวัตกรรมการอยู่อาศัยเพื่อ ลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน”
ในปี 2565 นี้ แสนสิริ ติดตั้ง Solar Roof 100% ในบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทุกหลัง ทุกระดับเซ็กเมนท์ คืบหน้าแล้ว 600 หลัง ในกว่า 31 โครงการ อาทิ โครงการใหม่ในกรุงเทพ กรีฑา คอมมูนิตี้ ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ เพื่อการอยู่อาศัยกว่า 500 ไร่ และสังคมคุณภาพระดับนานาชาติ บนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพกรีฑา ที่ประกอบด้วย เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา เป็นต้น โดยติด Solar Roof ขนาด 1.84 kW ตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวระดับราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท รวมจำนวน 427 หลัง และ บ้านเดี่ยวระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไป รวมจำนวนทั้งสิ้น 173 หลัง ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนแล้วกว่า 967 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 64,474 ต้น และช่วยประหยัดเงินค่าไฟให้ลูกบ้านและค่าส่วนกลางได้แล้วกว่า 7.6 ล้านบาท ต่อปี คาดภายในปี 2566 สามารถติดตั้งได้รวม 2,100 หลัง หรือคิดเป็นกว่า 30% จากเป้า 6,600 หลัง ภายใน 3 ปี (2566-2568) ที่บ้านเดี่ยวแสนสิริทุกหลัง คอนโดมิเนียมและพื้นที่ส่วนกลางทุกโครงการใหม่ของแสนสิริ ติดตั้งSolar Roof ได้ครบ100% โดยในปี 2566 ตั้งเป้าติด Solar Roof เพิ่มในพื้นที่คลับเฮาส์ ทุกโครงการใหม่จำนวน 48 โครงการ และติดในส่วนกลางของคอนโดมิเนียมใหม่กว่า 60 โครงการ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของแสนสิริ ในการติด Solar Roof ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นท์ตอบโจทย์ดีมานด์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกบ้าน ตลอดจนขยายการติดตั้งต่อไปยังธุรกิจอื่นๆ ของแสนสิริ เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-ZERO อาทิ โรงงานพรีคาสต์แห่งล่าสุด ซึ่งเป็นโรงงานพรีคาสต์สีเขียวอย่างเต็มรูปแบบแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย รองรับการเติบโตก้าวกระโดดของแสนสิริปี 2023, โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน, โรงแรม เดอะ เภรี โฮเต็ล ทั้ง 2 แห่ง ที่หัวหินและเขาใหญ่, โรงเรียนสาธิตพัฒนา ตั้งเป้าติดตั้งจำนวน 812 กิโลวัตต์ ซึ่งจะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 5.5 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังติดตั้งไฟส่องสว่างในสวนพลังงานแสงอาทิตย์ในทุกโครงการแนวราบทุกโครงการใหม่ ครบตามเป้าปีนี้
แล้วกว่า 63 โครงการ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนแล้วกว่า 5 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 529 ต้น และช่วยประหยัดเงินค่าไฟให้ลูกบ้านและค่าส่วนกลาง ได้แล้วกว่า 430,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ลูกบ้านแสนสิริในโครงการเก่า ภายใต้การดูแลของนิติบุคคล พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สามารถเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Roof ง่ายขึ้น โดยเตรียมจับมือธนาคารชั้นนำ ส่งสินเชื่อโซล่าร์สำหรับที่อยู่อาศัยกับดอกเบี้ยเรทพิเศษ เพื่อรองรับดีมานด์การใช้พลังงานสะอาดที่เพิ่มมากขึ้น
ด้าน EV Charger แสนสิริ ติดตั้งคืบหน้าแล้วกว่า 300 หลัง ในบ้านเดี่ยวทุกหลังในโครงการระดับบน ทั้งเซ็กเมนท์
บุราสิริ เศรษฐสิริ และ นาราสิริ จำนวนกว่า 14 โครงการ ช่วยลูกบ้านประหยัดค่าน้ำมันแล้วรวมกว่า 13.14 ล้านบาท
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศแล้วกว่า 510 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 42,500 ต้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี สามารถติดตั้ง EV Charger ได้เพิ่มกว่า 2,100 หลัง รวมถึงขยายผลติดในส่วนกลางคอนโดใหม่ รวม 68โครงการ และ ติดในส่วนกลางคอนโดเก่า กว่า 100 โครงการ รวมจำนวน 1,000 หัวชาร์จ ซึ่งจะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 3,570 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 297,500 ต้น และจะช่วยประหยัดเงินค่าไฟให้ลูกบ้านและค่าส่วนกลาง ได้มากถึง 92 ล้านบาท ต่อปี
พีรกานต์ มานะกิจ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด (ION Energy) ผู้นำด้านจัดหาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจร เผยว่า “ปัจจุบัน เทรนด์การใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Roof ในกลุ่ม ที่อยู่อาศัย (Residential) มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้คนทั่วโลกและในประเทศไทย หันมาตระหนักถึงการร่วมกันช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ราคาของการติดตั้ง Solar Roof ถูกลง สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าไฟที่ราคา ต่อหน่วยสูงขึ้นถึง 4.72 บาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นถึง 6 บาทภายใน 3 ปีข้างหน้า (ข้อมูลจาก : ธนาคารทหารไทย) ซึ่งจะยิ่งทำให้การติด Solar Roof ถึงจุดคุ้มทุน (Break-even) เร็วขึ้นได้ภายในระยะเวลาเพียง 4-5 ปี
ครั้งแรกในไทย! ION Energy ได้ร่วมกับ แสนสิริ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ในกลุ่มอสังหารายใหญ่ที่สุดของธุรกิจ ION Solar Roof ในการเดินหน้านำนวัตกรรมใหม่ กับ 2-in-1 solar roof tile กระเบื้องลอนโซล่าร์ ตั้งเป้าติดตั้งใน
คลับเฮาส์โครงการลักซ์ชัวรี่บ้านแสนสิริ บางนา ในปี 2024 นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับแสนสิริ และพันธมิตรด้านพลังงาน ทำ R&D พัฒนาแบตเตอรี่เก็บไฟจากพลังงานสะอาดในบ้าน ภายในปี 2030 ในราคาที่เข้าถึงได้ จากปัจจุบันที่ยังมีราคาสูงมาก ตลอดจนลูกบ้านแสนสิริ สามารถบริหารจัดการปริมาณการใช้ไฟฟ้าจาก Solar Roof แบบ Real-time ผ่านแอพ Sansiri Home Service ที่สามารถตรวจเช็คจำนวนการผลิตไฟฟ้า คำนวณและประเมินการใช้ไฟฟ้า คำนวณการช่วยประหยัดพลังงาน คำนวณเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ และลดปริมาณคาร์บอน ดูการทำงานของระบบ และระบบแจ้งตือนการซ่อมที่เตรียมพัฒนาระบบในอนาคต
พีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เผยว่า “12.6% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทั่วโลก มาจากภาคการเดินทางและขนส่ง ดังนั้น เทรนด์ของการใช้รถ EV Car ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากดีมานด์ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะเป็นเทรนด์ที่จะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกที่จะนำไปสู่การปฏิวัติสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะในประเทศไทยของเราที่มีปัญหาด้านการจราจร และส่งผลให้เกิด PM 2.5 ต่อเนื่องมาหลายปี เพื่อมุ่งสู่เป้าพันธกิจ Net-Zero ร่วมกันกับแสนสิริ SHARGE ได้ยกระดับการติดตั้ง EV Charger ในทุกโครงการของแสนสิริ ด้วยการนำมาตรฐานการติดตั้งระบบ EV Charger ที่ได้จากการจับมือกับแบรนด์ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง BYD หรือ ปอร์เช่ มาปรับใช้ พัฒนา user-experience ใน ecosystem ของฟังก์ชั่น SHARGE ใน Sansiri Home Service Application ด้วย Customer Insight จากฐานข้อมูลผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนกว่า 10,000 คัน นอกจากนี้ ลูกบ้านแสนสิริ ยังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่โลก กับจุดชาร์จรถ EV Charging Station ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำของ SHARGE ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย”