‘บริทาเนีย (BRI)’ ปลื้มนักลงทุนตอบรับดี ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท เสริมศักยภาพเงินทุนรองรับความพร้อมสู่การก้าวเป็น Top 5 ธุรกิจบ้านจัดสรร
“บริทาเนีย” หรือ BRI ปิดการขายหุ้นกู้ครั้งแรกทั้ง 2 ชุด มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาทตามเป้าหมาย หลังนักลงทุน ให้การตอบรับกับการจองซื้อเป็นอย่างดี สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการพัฒนาโครงการใหม่เพื่อก้าวเป็น Top 5 ของธุรกิจบ้านจัดสรร
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้เป็นครั้งแรก ที่เปิดขายเมื่อวันที่ 17 – 18 และ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีนักลงทุนทั่วไปแสดงความต้องการจองซื้อเป็นจำนวนมาก และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถปิดการเสนอขายหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มูลค่าเสนอขายรวม 1,500 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 มีอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.70% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยบริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อที่ “BBB” แนวโน้ม “คงที่” เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 จากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRI กล่าวต่อว่า “บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและให้การตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจและเกินกว่าที่คาดไว้เป็นอย่างมาก กับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัท และขอขอบคุณธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ พร้อมเดินหน้าสร้างประโยชน์ส่วนรวมและคำนึงผู้มีส่วนได้เสียทุกมิติ” นางศุภลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริทาเนีย หรือ BRI เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ภายใต้กรอบแนวคิด ‘CRAFT a life you love’ ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก โดย ณ กันยายน 2565 พัฒนาโครงการมาแล้ว 27 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 31,759 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานล่าสุด บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้รวมช่วง 9 เดือนของปี 2565 อยู่ที่ 4,555.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,059.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขาย (พรีเซล) 9 เดือน เท่ากับ 7,840 ล้านบาท คิดเป็น 71% ของเป้ายอดขายที่ 11,000 ล้านบาท และมั่นใจจะสามารถทำยอดขาย (พรีเซล) ให้ได้ตามเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้