กรมบัญชีกลาง ยกระดับใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยนอก ผ่านแอป “เป๋าตัง” แบบเรียลไทม์ นำร่อง 6 รพ.
ธนาคารกรุงไทย จับมือ กรมบัญชีกลาง ยกระดับการให้บริการการใช้สิทธิ เบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และบริการชำระค่ารักษาพยาบาลผ่านกระเป๋าสุขภาพ บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ให้ตรวจสอบและเบิกจ่ายตรงได้แบบเรียลไทม์ พร้อมเชื่อมต่อระบบโรงพยาบาลกว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ ผ่าน Application Programming Interface (API) นำร่อง 6 โรงพยาบาลในปี 2565 เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ลดขั้นตอน ลดความแออัดให้กับโรงพยาบาล และเป็นการยกระดับการให้บริการด้านสวัสดิการและรักษาพยาบาลให้แก่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า การเพิ่มศักยภาพการให้บริการของระบบเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลข้าราชการประเภทผู้ป่วยนอก เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงร่วมกับธนาคารกรุงไทย เพื่อพัฒนาระบบเบิกจ่ายตรงให้สามารถทำธุรกรรมเบิกจ่ายตรงผ่านกระเป๋าสุขภาพบนแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนงานด้านการรักษาพยาบาลและสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Ecosystems หลักของธนาคาร โดยร่วมกับกรมบัญชีกลางและโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ยกระดับบริการด้านสาธารณสุขให้กับข้าราชการของประเทศ เชื่อมต่อข้อมูลให้สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการแบบเรียลไทม์ผ่านกระเป๋าสุขภาพบนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่พัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย ให้รองรับผู้มีสิทธิในระบบเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ภายใต้กรมบัญชีกลาง ทั้งข้าราชการปัจจุบัน ข้าราชการเกษียณอายุ รวมถึงบุคคลในครอบครัว ที่มีอยู่กว่า 4.7 ล้านคนทั่วประเทศ และนำระบบยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) มาช่วยในการยืนยันตัวตนให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วและแม่นยำ
ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการประเภทผู้ป่วยนอกได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชน ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการใช้สิทธิ จากเดิมที่ใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวในการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงผ่านช่องทางเครื่อง EDC และสามารถชำระเงินค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินสิทธิได้ทันที โดยสามารถเลือกจ่ายได้ทั้ง Krungthai NEXT หรือสแกน QR Payment ผ่าน Mobile Banking ของทุกธนาคาร และมีแผนจะขยายช่องทางการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตและบัตรเครดิตในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้การใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วกับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ช่วยลดขั้นตอนและลดความแออัดให้กับโรงพยาบาล พร้อมอำนวยความสะดวกผู้ใช้สิทธิด้วยบริการแจ้งเตือนรายการนัดหมายในครั้งถัดไป และสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่ารักษาพยาบาลย้อนหลังได้ที่เมนูประวัติการทำรายการย้อนหลังผ่านกระเป๋าสุขภาพบนแอปพลิเคชันเป๋าตัง
โดยในระยะเริ่มต้น มี 6 โรงพยาบาลนำร่องที่พร้อมให้บริการ ได้ในปี 2565 ได้แก่
1. คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
2. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
3. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
4. โรงพยาบาลสระบุรี
5.โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
6.โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
สำหรับภายในต้นปี 2566 มีแผนเปิดให้บริการกับอีก 15 โรงพยาบาล ได้แก่
1. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
2. โรงพยาบาลบางคล้า
3. โรงพยาบาลปากช่องนานา
4. โรงพยาบาลพนมสารคาม
5. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
6. โรงพยาบาลพุทธโสธร
7. โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
8. โรงพยาบาลราชวิถี
9. โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
10. โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
11. โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
12. โรงพยาบาลสมุทรปราการ
13. ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
14. สถาบันโรคทรวงอก
15. สถาบันประสาทวิทยา
และเตรียมพร้อมขยายการเชื่อมต่อระบบครอบคลุมโรงพยาบาลทั่วประเทศ ทั้งนี้สามารถดูรายชื่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมได้ที่ www.cgd.co.th หัวข้อ รักษาพยาบาล/ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินโดยพัฒนาระบบ Krungthai Digital Health Platform มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากความร่วมมือนี้ ในอนาคตธนาคารยังมีแผนต่อยอดความร่วมมือ ที่จะเชื่อมการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สำหรับบริการ Telehealth ให้ผู้ป่วยที่รักษาทางไกล สามารถใช้สิทธิสวัสดิการข้าราชการได้ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายและทำเรื่องเบิกย้อนหลัง ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยมีความพร้อมและยินดีให้การสนับสนุนการพัฒนายกระดับการบริการในทุกด้านเพื่อให้ข้าราชการและประชาชนคนไทย สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม