ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผย “เชียงใหม่-นครสวรรค์” เปิดตัวโครงการใหม่ลดวูบ 50%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ของจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด พบหน่วยเปิดขายใหม่ลด มีผลให้อัตราดูดซับของภาพรวมตลาดลดลงลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 พบว่า อุปทานพร้อมขายโครงการที่อยู่อาศัยภาคเหนือ 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พิษณุโลก และนครสวรรค์ มีจำนวนประมาณ 16,724 หน่วย มูลค่า 66,298 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 1,818 หน่วย มูลค่า 4,966 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 14,906 หน่วย มูลค่า 61,332 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 867 หน่วย มูลค่า 4,148 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 1,742 หน่วย มูลค่า 6,263 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 14,982 หน่วย มูลค่า 60,035 ล้านบาท
โดยพบว่าช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่เป็นบ้านจัดสรรเกิดขึ้นเฉพาะในพื้นที่เชียงใหม่ และนครสวรรค์ และอาคารชุดเฉพาะในเชียงใหม่เท่านั้น ส่วนเชียงราย ลำพูน พิษณุโลก เป็นการขายโครงการเก่าเพื่อลดจำนวนหน่วยเหลือขายและเพิ่มอัตราดูดซับในตลาด ซึ่งจังหวัดลำพูนมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุดร้อยละ 4.8 และเชียงใหม่มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 3.3 แต่ก็ถือว่าเป็นอัตราการดูดซับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายที่ลดลง
5 ทำเลเหลือขายมากที่สุด ใน 5 จังหวัดภาคเหนือ คือ
อันดับ 1 ทำเลสนามบิน-แม่ฟ้าหลวง จำนวน 1,429 หน่วย มูลค่า 5,024 ล้านบาท
อันดับ 2 ทำเลสันทราย จำนวน 1,345 หน่วย มูลค่า 4,191 ล้านบาท
อันดับ 3 ทำเลสารภี จำนวน 1,321 หน่วย มูลค่า 4,802 ล้านบาท
อันดับ 4 ทำเลในเมืองเชียงราย จำนวน 1,163 หน่วย มูลค่า 5,346 ล้านบาท
อันดับ 5 ทำเลแม่โจ้ จำนวน 1,143 หน่วย
โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 5,592 หน่วย มูลค่า 3,947 ล้านบาท
ส่วนทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรก คือ
อันดับ 1 สันทราย จำนวน 170 หน่วย มูลค่า 595.2 ล้านบาท
อันดับ 2 ดรีมแลนด์ จำนวน 163 หน่วย มูลค่า 745.8 ล้านบาท
อันดับ 3 แม่โจ้ จำนวน 139 หน่วย มูลค่า 405.4 ล้านบาท
อันดับ 4 หางดงตอนบน จำนวน 129 หน่วย มูลค่า 326.5 ล้านบาท
อันดับ 5 ม.พายัพ จำนวน หน่วย 127 มูลค่า 498.8 ล้านบาท