“ไซมิส แอสเสท” ชูกลยุทธ์พัฒนาบ้าน - Mixed Use - เพิ่มสัดส่วน Recurring วางเป้า 3 ปี รายได้หมื่นล้าน
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) จะมุ่งสร้างสมดุลระหว่างสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาฯและรายได้จากธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาฯ ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูง ในสัดส่วน 50:50 ส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องราว 1,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปีรายได้ในส่วน Recurring Income จะอยู่ที่ประมาณ 10-15% ของรายได้รวม
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีกำไรราว 1,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 5,900 ล้านบาท โดยมาจากสินค้าพร้อมขายจากโครงการ แนวสูง 2,407.22 ล้านบาท และแนวราบ ราว 86.90 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ (อยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์) จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และโครงการปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 6,506.6 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568
โดยในปี 2566 บริษัท มีแผนเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่า 18,200 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) Siamese Kin รามอินทรา (Phase 2) พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝดและทาวน์โฮม จำนวนรวม 36 ยูนิต ราคา 6-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการเฟส 2 ประมาณ 250 ล้านบาท
2) Siamese Holm พหลฯ-วิภาวดี พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ราคา 8-12 ล้านบาท จำนวน 192 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท
3) Siamese Blossom พหลฯ-วิภาวดี พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝดและทาวน์โฮม ราคา 2-5 ล้านบาท จำนวน 445 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท
4) Monsane ราชพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคา 15—25 ล้านบาท จำนวน 175 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 3, 300 ล้านบาท
ส่วนโครงการแนวสูง จะเน้นทำ Mixed Use 3 โครงการ บนทำเลใจกลางเมือง โดยจัดพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ และเป็นห้องพักในรูปแบบโรงแรมหรือเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้ให้มีความหลากหลายขึ้น ทั้งนี้ มีแผนเปิดตัว โครงการ โครงการ Wellness & Healthcare @ Talingchan และอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 11,400 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจอื่นๆ อาทิ ธุรกิจโรงแรม ภายในปีนี้จะมีการเปิดตัวโรงแรม Tribe ในโซนสุขุมวิท ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเปิดตัวที่โครงการแลนด์มาร์ค @MRTA Station เพื่อรองรับผู้พักอาศัย รวมถึงการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย ธุรกิจให้เช่า ธุรกิจด้านสุขภาพ ใส่ไปในโครงการใหม่ให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้อาศัยให้มากที่สุด ส่วนธุรกิจการเงินและการลงทุน มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ