บมจ. แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (เดิมชื่อ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น) หรือ AS  ผนึกเดอะ บิ๊กส์แบง ทิออรี่ย์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Metaverse และบล็อกเชน เปิดตัวนวัตกรรม เมตาเวิร์สในรูปแบบแพลตฟอร์มพร้อมใช้ หรือ Metaverse as a service เป็นรายแรกของโลก

นายกิตติพงศ์ พฤกษอรุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน)  [เดิมชื่อ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)] เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้าน Blockchain & Innovation Technologies อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นโอกาสด้านเทคโนโลยี metaverse ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน จากผลสำรวจของบริษัทวิจัยชั้นนำของโลก ได้ประมาณการมูลค่าการเติบโตของตลาดจากปี 2564 ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 58,500 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2573 โดยคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 43.7% และคาดว่าภายในปี 2569 จะมีประชากร 25% เข้าระบบใช้งาน metaverse อย่างน้อย วันละ 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเพื่อการทำงาน การศึกษา ช้อปปิ้ง โซเชียล หรือความบันเทิงต่างๆ  นอกจากนี้ ในปี 2566 เรากำลังเข้าสู่การตลาดยุค Marketing 6.0 หรือ Metaverse Marketing  ที่แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องสร้างประสบการณ์แบบ immersive experiences ให้แก่ผู้บริโภคด้วยการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์เข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ

บริษัทฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของ Big Bang Theory ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่นำ metaverse มาให้บริการในรูปแบบ Platform As-a-Service รายแรกของโลก โดยได้เข้าลงทุนในบริษัท Big Bang Theory คิดเป็นสัดส่วน 27% ของหุ้นในบริษัท สำหรับด้านความร่วมมือกัน ทาง Big Bang Theory จะเป็นผู้เข้ามาพัฒนาระบบ metaverse รวมถึงสร้าง เหรียญ Token และ NFT สำหรับใช้เพื่อจุดประสงค์ในการทำ CRM ให้บริษัท เพลย์พาร์ค ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการเกมออนไลน์ในเครือของแอสเฟียร์ ทั้งนี้ ในอนาคตทางแอสเฟียร์ ยังมีแผนที่จะช่วยนำแพลตฟอร์ม Big Bang Theory ขยายตลาดออกสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน

นายพงศ์วุฒิ ไพรไพศาลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิ๊กส์แบง ทิออรี่ย์ จำกัด เปิดเผยว่า Big Bang เป็น 1 ในผู้นำด้านการพัฒนาระบบ Metaverse และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านบล็อกเชน โดยเราเป็นบริษัทในเครือของ Mi group ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และ Metaverse

“Big Bang Theory คือ Metaverse as a service ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มุ่งให้บริการแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม หรือโค้ดดิ้ง ที่มีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นระบบที่ช่วยสร้างโลกเสมือนให้กับธุรกิจทุกประเภท มุ่งเน้นให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี ที่สามารถนำมาใช้ในเรื่องของการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตลอดจนการเปลี่ยนธุรกิจแบบเดิมเข้าสู่โลกเสมือนราวกับจินตนาการ ซึ่งเครื่องมือที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Big Bang Theory  มีหลายส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เช่น E-Commerce online shopping ที่สามารถเลือกซื้อ ชำระเงิน และจัดส่งให้ถึงบ้าน, การทำ Steaming ในรูปแบบการทำกิจกรรมในโลกออนไลน์บนโลกเสมือนจริงที่ทำง่ายแบบไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์, ในมุมของการทำประชุมออนไลน์ในโลกเสมือนจริง, พร้อมเครื่องมือการสร้างโลกเสมือน ที่ง่ายเหมือนกับคุณนั่งเล่นเกมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะผลักดันโลก Metaverse ให้เป็นโลกเสมือนจริง โดยเผยแผนในปีนี้จะมีการขยายแพลตฟอร์มครอบคลุมการให้บริการระบบธุรกิจโลกเสมือนแบบครบวงจร เช่น AR/VR/XR as a Service และการใช้เทคโนโลยี Ai ในด้านต่างๆ เช่น Ai Generative Verse, Ai Virtual Influencer เพื่อตอบโจทย์การเป็นเครื่องมือทางด้าน Marketing Technology (MarTech) ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย สามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ยิ่งไปกว่านั้นต้องเข้าถึงในงบประมาณที่ประหยัดย่อมเยา รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจในประเทศไทยเข้าใจและเห็นความสำคัญของการใช้โลกเสมือนในการขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทยแบบไร้พรมแดนเพื่อนำไปสู่การทำธุรกิจระหว่างประเทศได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยฟังก์ชันของ Big Bang ได้แก่

• การทำ Steaming

สามารถนำไปใช้ในแง่ของการจัดทำสัมมนา ฉายภาพยนตร์ ไลฟ์สด  และ อื่นๆ ซึ่งการใช้ ฟังก์ชันนี้จะให้ประสบการณ์ เหมือนผู้เข้าร่วมงานได้เข้าไปอยู่ในสถานที่การจัดงานจริง โดยจะมีมุมมองที่ผู้รับชมสามารถชมได้ คือมุมมองของอัตราที่มองบนหน้าจอในโลกเมตาเวิร์ส การStreaming ในเมตาเวิร์สจะมีมุมมอง วิดีโอแบบ full screen  ซึ่งเป็นมุมมองที่ผู้ชมคุ้นเคย เหมือนกับรับชมคลิปวิดีโอ ผ่านแอพพลิเคชั่นบนหน้าจอ

• E-Commerce online shop

ในแง่ของการขายสินค้าออนไลน์ สามารถให้ประสบการณ์การซื้อสินค้าในรูปแบบของโลกเสมือนจริงที่สามารถใช้ได้อย่างง่ายดาย การเลือกสินค้า ชำระเงิน และ สามารถรอการจัดส่งได้ที่บ้าน โดยการชำระเงินจะรองรับระบบคิวอาร์โค้ดพร้อมเพย์ และบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตก็สามารถชำระได้ ซึ่งช่องทางการชำระเงินบนเมตาเวิร์คนี้เป็นช่องทางที่ง่ายสะดวกและคุ้นเคยกับผู้ซื้อและผู้ขายก็สามารถอัพโหลดสินค้าได้อย่างง่ายดาย ไม่แตกต่างกับการอัพสต๊อกในแอพพลิเคชั่นอีคอมเมิร์ซทั่วไป

•  Private Meeting room

เป็นฟังก์ชันการประชุมบนโลกเสมือนที่มีมุมมองเหมือนกับผู้ประชุมเข้าไปอยู่ในห้องนั้นจริง และมีฟังก์ชันย่อยในห้องประชุมที่ไม่แตกต่างกับการประชุมงานในปัจจุบัน เช่น มีช่องแชท สามารถเปิดปิดไมโครโฟนและกล้องได้ พร้อมการแชร์สกรีนของผู้ประชุมได้อย่างง่ายดาย คล้ายกับระบบที่เราคุ้นเคยในการใช้ประชุมออนไลน์

•  Mini Game

เป็นฟังก์ชันที่ให้ความบันเทิงกับผู้เข้าร่วมเมตาเวิร์ส ซึ่งเป็นเกมที่ง่ายและคุ้นเคยกับผู้ใช้ ผู้สร้างเมตาเวิร์ส สามารถกำหนดกติกา เพื่อนำเกมนี้ไปเป็นประโยชน์ และสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าหรือยูสเซอร์ของผู้ที่สร้างเมตาเวิร์ส ซึ่งส่วนนี้อาจจะเป็นฟังก์ชันหนึ่ง ที่ดึงดูดใจให้คนเข้ามาในเมตาเวิร์สของผู้สร้างได้

•  Hologram

ฟังก์ชันใหม่สุดล้ำที่จะสร้างโลกแห่งจินตนาการให้เป็นจริงสามารถใช้ในมุมมองของการประชุมประจำปีแฟนมิตติ้ง ปราศรัยทางการเมือง โดยลักษณะเด่นของฟังก์ชันนี้คือการฉายภาพเสมือนของผู้พูด หรือวิทยากรในลักษณะเรียลไทม์ ซึ่งข้อดีจะทำให้ผู้ที่เข้ารับฟังและรับชมใกล้ชิดกับผู้พูด หรือวิทยากรได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่สามารถประยุกต์ไปใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทยตลอดจนไปสู่ระดับนานาชาติ  และพร้อมเป็นผู้ให้บริการด้านการพัฒนาระบบต่างๆ ในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การบริหาร ในด้านการขยายกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในรูปแบบออนไลน์ภายใต้การสร้างโลกเสมือนจริง และการสร้างประสบการณ์ด้านเมตาเวิร์สให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายพงศ์วุฒิ กล่าวปิดท้าย