เอชเอสบีซี ประเทศไทย ประกาศสวัสดิการลาเลี้ยงดูบุตรแห่งความเท่าเทียม LGBTQ+ ลาเลี้ยงดูบุตรได้สูงสุด 126 วันเท่าเทียม หญิง-ชาย
ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ประกาศนโนบายสวัสดิการสำหรับการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร ระบุให้พนักงาน LGBTQ+ สามารถลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมได้สูงสุด 126 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ เท่าเทียมกับสวัสดิการของพนักงานหญิงและชายที่เป็นผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงดูบุตรหลังคลอด ชี้ไม่ว่าจะสถานะหรือเพศสภาพใด หากเป็นผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงดูบุตรก็จะได้รับสิทธิการลาที่เท่าเทียมในการดูแลสมาชิกใหม่ในครอบครัว ตอกย้ำจุดยืนธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทยที่มุ่งมั่นจะเป็นสถานที่ทำงานที่สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างของพนักงานทุกคน
นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เผยนโยบายสิทธิการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรใหม่ของธนาคาร ที่เพิ่มสิทธิการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรสำหรับผู้ดูแลหลัก ไม่ว่าจะเพศภาพใด หรือสถานะใดให้สามารถลาได้สูงสุดถึง 126 วันหรือกว่า 4 เดือนโดยได้รับค่าจ้างตามปกติ เพื่อให้พนักงานทุกคน รวมถึงพนักงานหญิงที่คลอดบุตร พนักงานชายที่เป็นผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงดูบุตรกรณีมารดามีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ ตลอดจนพนักงานกลุ่มเพศทางเลือกหรือ LGBTQ+ ที่รับอุปการะบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่อายุไม่เกิน 7 ปี สามารถมีเวลาเพียงพอในการดูแลบุตรที่เป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวได้อย่างเท่าเทียม
“สุขภาวะที่ดี (Well-being) และความสุขในการทำงานของพนักงานทุกคนเป็นสิ่งที่”ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุด เราจึงประกาศนโยบายสิทธิ์การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยได้รับค่าจ้างตามปกติที่มากกว่าสิทธิวันลาในการคลอดบุตรตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุดที่ 98 วัน โดยระบุการรับค่าจ้างในช่วงที่ลาเพียง 45 วัน เพราะเราเชื่อว่าบิดามารดาไม่ว่าจะเพศสภาพใดควรได้ใช้เวลาดูแลบุตรที่เพิ่งถือกำเนิดและบุตรบุญธรรมที่รับเข้ามาในครอบครัวอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว”
นอกจากนั้น ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ได้ปรับเพิ่มสวัสดิการให้กับพนักงานที่ไม่ใช่ผู้ดูแลหลักสำหรับการเลี้ยงดูบุตรไม่ว่าจะเพศหญิง ชาย หรือเพศทางเลือก ให้สามารถลาเพื่อช่วยดูแลบุตรหลังคลอดและบุตรบุญธรรมได้สูงสุด 30 วัน โดยยังได้รับค่าจ้างตามปกติอีกด้วย
ทั้งนี้ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ได้เปิดตัว ‘HSBC Pride Employee Resource Group (ERG)’ อันเป็นเครือข่ายพนักงานเพื่อขับเคลื่อนสภาพแวดล้อมที่ยอมรับความหลากหลายในองค์กรเมื่อเดือนมิถุนายนซึ่งเป็น Pride Month ของทั่วโลกที่ผ่านมา ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้พนักงานและลูกค้าในทุกเพศสภาพและเพศทางเลือก (LGBTQ+) รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม