6 ความแตกต่างเบื้องต้นของการลงทุนใน REIT, Real Estate Token, และ Investment Property Program (IP)
บทความโดย คุณอรอนงค์ ชัยธง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด
ผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT)
ในปัจจุบันมีการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งประเภททรัพย์สินที่จับต้องได้ (Physical Assets)และจับต้องไม่ได้หรือตราสารทางการเงิน (Non- Physical Assets) และมีวิธีการให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับลักษณะการทำมาหาได้ที่แตกต่างกัน เพิ่มความหลากหลายให้นักลงทุนมากขึ้น ทำให้นักลงทุนเอง ก็ต้องเพิ่มพูนความรู้ ศึกษาทำความเข้าใจในรูปแบบการสนใจมากขึ้นเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ในอดีตการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มีเพียงการพัฒนาที่ดินรกร้างให้กลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูง ซึ่งมีแค่ผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้นที่เข้าถึงได้ เพราะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก หรือถ้าเป็นรายย่อย ก็จะเป็นเพียงการซื้อขายกันปกติเพื่อเกร็งกำไรในอนาคตสภาพคล่องในการลงทุนจะน้อยกว่า แต่ในปัจจุบันนักลงทุนทั้งรายใหญ่ รายย่อย ก็สามารถเข้าถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้เท่าเทียมกัน ผ่านอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงหลัง
ไม่ว่าจะเป็น “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT” เป็นกองทรัพย์สิน ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูง นักลงทุนสามารถร่วมลงทุนได้ผ่านการลงทุนในหน่วยทรัสต์ สามารถซื้อขายหน่วยทรัสต์ได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหลากหลายประเภทธุรกิจให้ร่วมลงทุน เช่น REIT ประเภทโรงงานและคลังสินค้า สำนักงานให้เช่า โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์การค้า
หรือการลงทุนใน Real Estate Token ซึ่งเป็นการลงทุนในสัญญากระแสเงินสดรับของโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ผ่านหน่วย Token นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภท Investment Property Program(IP) ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการมีสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นโฉนดห้องชุดโดยตรง
ทั้งนี้ทั้งนั้น การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง นักลงทุนควรตัดสินใจลงทุน ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคลเป็นหลัก เพื่อจะได้มีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ และสม่ำเสมอ
บทความครั้งหน้าจะพาไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง การบริหารจัดการความเสี่ยงใน Port การลงทุนให้เข้ากับสภาพปัจจุบัน ที่ทำให้เกิดความสบายใจ และสบายกระเป๋า