อาการแพ้ขนแมว หรือภูมิแพ้ขนสัตว์เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่สุดสำหรับคนรักสัตว์เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะบรรดาทาสแมวทั้งหลาย ที่ถึงจะชอบและอยากอยู่ใกล้ชิดแมวที่รักขนาดไหน ก็ไม่สามารถอยู่เล่นคลุกคลีกับเจ้านายน้อยได้นาน อีกทั้งอาการแพ้ต่างๆ ยังกระทบกับชีวิตประจำวันไม่น้อยเลย เพราะสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นต้นเหตุของอาการแพ้นั้นไม่ได้มาจากขนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากน้ำลาย ฝุ่น และตัวไรที่ติดอยู่บนตัวสัตว์อีกด้วย สำหรับทาสแมวหรือคนที่กำลังวางแพลนเลี้ยงแมว แล้วสงสัยว่าตัวเองมีอาการแพ้ขนแมวหรือไม่ หรือมองหาวิธีป้องกันอาการแพ้ขนแมวอยู่ มาดูวิธีเช็กอาการและวิธีป้องกันง่ายๆ ตามนี้เลย

อาการแพ้ขนแมวเป็นอย่างไร

อาการแพ้ขนสัตว์ที่พบเห็นได้บ่อยมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้ในแต่ละคน โดยจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และดวงตา ดังนี้

●      หายใจไม่สะดวก

●      ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล

●      ระคายคอ มีเสมหะ 

●      มีอาการอักเสบ คัน หรือบวม ที่เนื้อเยื่อบริเวณรอบจมูกและดวงตา

●      มีผื่นแพ้ปรากฎตามใบหน้า ลำคอ หรือหน้าอกส่วนบน

นอกจากนี้บางรายอาจมีอาการที่รุนแรงเกิดขึ้นทันทีหลังจากใกล้ชิดหรือสัมผัสกับแมว อีกทั้งอาการแพ้ขนสัตว์ยังเป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถสะสมได้ในระยะยาวด้วย อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดที่ส่งผลโดยตรงต่อปัญหาในการหายใจ ทำให้มีอาการหายใจลำบาก มีเสียงหวีดขณะหายใจ หรือเจ็บแน่นบริเวณอกได้ 

ป้องกันอาการแพ้ขนแมว ด้วย 7 วิธีดูแลห้องแบบง่ายๆ 

แต่สำหรับคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ถึงจะมีอาการแพ้อย่างไรก็แพ้ต่อความรักอยู่ดี อยากเลี้ยงอย่างไรก็ยังอยากอยู่อย่างนั้น บทความนี้เลยจะพาไปดู 7 วิธีทำความสะอาดห้องสำหรับทาสแมวหรือคนที่เลี้ยงสัตว์ ที่จะช่วยป้องกันอาการแพ้ หรือบรรดาผื่นคันทั้งหลายให้คนสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น 

1. ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ

ทาสแมวและคนที่มีสัตว์เลี้ยงควรหมั่นดูแลห้องให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยการดูดฝุ่น ล้างพัดลม เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่มักจะเป็นตัวสะสมฝุ่นละอองต่างๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมไปถึงการเปลี่ยนหรือทำความสะอาดไส้กรองแอร์ และทำความสะอาดของเล่นของสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อลดการสะสมของขนแมว แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้จากตัวสัตว์เลี้ยงที่ติดอยู่ตามส่วนต่างๆ ของห้องนั่นเอง 

2. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่อมฝุ่นและขนแมว

หากภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์หรือของแต่งห้องที่ใช้วัสดุที่ทำมาจากผ้า ขนสัตว์เทียม หรือพรมปูพื้นที่มีขนหรือเส้นใยทอหนาแน่น ขอบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมชั้นดีของขนสัตว์เลี้ยงเลย ทำให้เกิดการหมักหมมของบรรดาฝุ่น แบคทีเรีย และการก่อภูมิแพ้ ทางที่ดีสำหรับทาสแมวและคนเลี้ยงสัตว์จึงควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เป็นผิวเรียบ สามารถทำความสะอาดง่าย เช่น หนัง ไม้ พลาสติก สเตนเลส ฯลฯ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และเข้าสู่ร่างกายของผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นบ่อนทำลายสุขภาพทีละน้อยในทุกๆ วัน 

3. แยกโซนให้ชัดเจน 

สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีอาการแพ้ขนแมวได้ง่าย การแยกห้องนอนหรือแบ่งโซนน้องแมวออกจากบริเวณพักผ่อนของเราอย่างชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยงอาการแพ้ขนแมวได้ เพราะบริเวณที่แมวนอนหรือวิ่งเล่นมักจะมีขนร่วง มีแบคทีเรีย และฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ตลอด ทำให้ผู้พักอาศัยอาจเผลอสูดดมเข้าไป ซึ่งจะเข้าไปสะสมในร่างกาย และเสี่ยงต่อการเกิดอาการภูมิแพ้ได้ 

4. อาบน้ำให้แมวเป็นประจำ

ทำความสะอาดห้องไปแล้ว เหล่าทาสก็ควรแปรงขนและอาบน้ำให้แมวเป็นประจำด้วย เพื่อลดจำนวนขนที่ร่วง และกำจัดสะเก็ดรังแคบนตัวสัตว์เลี้ยงของเราออกไปนอกจากนี้การอาบน้ำแมวยังช่วยให้เราได้ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงและมองเห็นร่างกายบริเวณต่างๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังหรืออวัยวะต่างๆ หากมีความสกปรกหรือบาดแผลก็จะได้ดูแลรักษาได้ทันทีและทั่วถึงนั่นเอง 

5. ล้างมือทุกครั้งหลังเล่นกับแมว

รู้หรือไม่ว่าเส้นขน ผิวหนัง ต่อมไขมัน และน้ำลายของแมวนั้นเป็นบริเวณที่พบสารก่อภูมิแพ้ได้มากที่สุด ทำให้หลังสัมผัสหรือเล่นกับแมว บางคนมักจะมีอาการจาม คันจมูก ไอ ไปจนถึงมีผื่นขึ้นอย่างรวดเร็วเลย จึงควรล้างมือให้สะอาดทุกๆ ครั้ง สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงการกอดและคลอเคลียกับแมวให้มากที่สุด เพราะเส้นขนและแบคทีเรียที่เป็นสารก่อภูมิแพ้จากแมว อาจติดไปกับเสื้อผ้าหรือร่างกายส่วนอื่นๆ ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่รุนแรงได้ 

6. ออกกำลังกายเป็นประจำ

นอกจากการดูแลที่อยู่อาศัย และดูแลน้องแมวให้สะอาดแล้ว การดูแลตัวเองจากภายในก็มีความสำคัญ อย่างการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานและความแข็งแรงให้กับร่างกายได้ โดยควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้ปอดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเปิดระบบทางเดินหายใจให้เราสามารถหายใจได้คล่องมากขึ้น ไม่เป็นภูมิแพ้ง่ายๆ 

7. ใช้เครื่องกรองอากาศ

หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าการใช้เครื่องกรองอากาศ จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้ขนแมว เพราะการควบคุมอากาศและสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาดก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ บ้านไหนที่มีสัตว์เลี้ยงก็ควรมองหาเครื่องกรองอากาศที่มี HEPA Filter ซึ่งมีคุณสมบัติดักจับสารก่อภูมิแพ้ และการใช้เครื่องกรองอากาศนั้นยังช่วยดักจับอนุภาคเล็กๆ จากขนแมว ฝุ่นละออง แบคทีเรียและเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ภายในบริเวณที่พักอาศัยได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เครื่องกรองอากาศยังมีแผ่นกรองกลิ่นที่จะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

การได้ดูแลชีวิตน้อยๆ ของสัตว์เลี้ยงแสนรักนั้นเป็นความสุขของคนมากมาย แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลเรื่องความสะอาดของที่พักอาศัยและใส่ใจต่อสุขภาพของตนเองด้วย หวังว่า 7 วิธีที่เรานำมาแชร์วันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทาสแมวหลายคนให้ห่างไกลอาการแพ้ขนแมว สามารถใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าสี่ขาได้อย่างมีความสุขและสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน