“พฤกษา” จัดกิจกรรม Demo Day บทสรุปผลกระทบเชิงบวกจากโครงการ “Accelerate Impact with PRUKSA” ซีซัน 2
พฤกษา จัดกิจกรรม Demo Day ภายใต้โครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 เผยผลสำเร็จในการดำเนินการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมจาก 4 ธุรกิจเพื่อสังคม แล็บมูฟ – แอ็กนอส – ฟาร์มแคร์ – วงศ์ไผ่ พร้อมเปิดโอกาสให้ทั้ง 4 ทีมนำเสนอแผนธุรกิจเพื่อรับเงินลงทุนเพิ่มเติมจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ รวม 3 ล้านบาท พร้อมโอกาสจับมือกับพฤกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้ยั่งยืน โดยสุดยอดแผนธุรกิจจากทีมวงศ์ไผ่โดนใจกรรมการ คว้าเงินอัดฉีดสูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 เป็นโครงการที่พฤกษาจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่มีเป้าหมายที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งในซีซัน 2 มีผู้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคมสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 70 รายจากทั่วประเทศ คณะกรรมการได้คัดเลือกจนเหลือ 4 ทีม โดยพฤกษาได้มอบเงินทุนสนับสนุนทีมละ 6 แสนบาท รวมถึงจัดโปรแกรม Accelerate Impact ที่อัดแน่นด้วยความรู้ เพื่อต่อยอดธุรกิจในหลายมิติ นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาตลอดโครงการ และล่าสุด ยังได้จัดกิจกรรม Demo Day เพื่อให้ทั้ง 4 ทีมได้มานำเสนอแผนธุรกิจเพื่อรับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์
“ปัจจุบันมีธุรกิจเพื่อสังคมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการหลายคนอาจไม่มั่นใจกับอนาคต และเบนเข็มไปทำธุรกิจอื่น พฤกษาหวังว่าโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA จะเป็นแรงบันดาลใจและช่วยตอกย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคมมั่นใจว่าเราสามารถก้าวไปสู่เป้าหมายและทำให้สำเร็จได้ ขอเพียงแค่มีความตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมอย่างแท้จริง” นายอุเทน กล่าว
กิจกรรม Demo Day จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีธุรกิจเพื่อสังคม 4 ทีมมาสรุปผลความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ พร้อมทั้งนำเสนอแผนธุรกิจในอนาคต เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณามอบเงินทุนเพิ่มเติมจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญร่วมพิจารณา ได้แก่ นางสาวสกุลทิพย์ กีรติพันธวงศ์ เลขาธิการสมาคมส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน นางสาวอรผกา วุฒิโฆสิต Industry Manager กูเกิล ประเทศไทย และผู้บริหารภายในบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง และบริษัทในเครือ ซึ่งบทสรุปของทั้ง 4 ทีม ประกอบด้วย
1. ทีมแอ็กนอส ผู้พัฒนา AI ด้านการแพทย์ โดยใช้ AI วิเคราะห์อาการป่วยด้วยตนเอง และแนะนำผู้ป่วยไปยังบริการที่เหมาะสม สามารถช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทันท่วงที ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็น Smart OPD Platform โดยการต่อยอดธุรกิจภายใต้โครงการทำให้โรงพยาบาลและผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการของแอ็กนอสได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านช่องทาง LINE OA ของโรงพยาบาล และทำให้คาดการณ์ได้ว่าในระยะเวลา 1 ปี จะสามารถช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยเคสสีเขียวที่มีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 3.8 ล้านบาท ช่วยลดการสูญเสียสำหรับผู้ป่วยเคสสีแดงที่มีอาการรุนแรง คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียกว่า 2.8 แสนบาท อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านยาที่อยู่ใกล้กับที่พักอาศัยมากกว่า 1.6 ล้านบาท
2. ทีมแล็บมูฟ ผู้ให้บริการเจาะเลือดถึงที่พักอาศัย โดยนักเทคนิคการเเพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ สามารถนำตัวอย่างมาส่งที่โรงพยาบาลต้นสังกัด ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และเข้าถึงบริการได้แม้อยู่ที่บ้าน โดยหลังจากการบ่มเพาะภายใต้โครงการ ทีมแล็บมูฟได้ปรับวิธีการขยายเครือข่ายเพื่อให้รองรับผู้ป่วยได้ทุกราย ทำให้มีการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 25% ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังสามารถสร้างผลกระทบทางสังคมจากการคาดการณ์ในระยะเวลา 1 ปี ดังนี้
- ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงได้มากถึง 5,000 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 12
ล้านบาท
- ช่วยให้ญาติผู้ป่วยไม่ต้องลางาน ไม่ขาดรายได้จากการทำงานปีละ 5.5 ล้านบาท
- ลดการเดินทางมาที่โรงพยาบาล ได้ปีละกว่า 1.5 แสนกิโลเมตร
- ช่วยลดความแออัดจากการรับบริการเจาะเลือดในโรงพยาบาลได้วันละ 40 ราย
- ลดชั่วโมงการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมแล้วปีละ 3,750 ชั่วโมง
- เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ป่วยและญาติได้มากถึง 90%
3. ทีมฟาร์มแคร์ ผู้พัฒนาแฟลตฟอร์ม Telepharmacy ที่ช่วยให้คนในชุมชนเข้าถึงร้านยาที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย จากคำแนะนำของเภสัชกรร้านยาในชุมชน และยังช่วยส่งเสริมให้ร้านยาชุมชนเติบโตสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมูลค่าของผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ร่วมโครงการ ผู้ป่วยสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทางไปยังสถานพยาบาลได้มากกว่า 5.6 แสนบาท ทำให้ร้านขายยาที่อยู่ใกล้กับแหล่งชุมชมมีรายได้สูงขึ้นมากกว่า 2.6 แสนบาท และมีมูลค่าการเติบโตของธุรกิจเพื่อการต่อยอดมากกว่า 1.5 แสนบาท
4. ทีมวงศ์ไผ่ ผู้ผลิต KN Biochar ไบโอชาร์จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรของชุมชนปลูกไผ่ ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน รักษาสิ่งแวดล้อม ต่อยอดในการสร้างคาร์บอนเครดิตได้ และสร้างเศรษฐกิจในชุมชน ซึ่งคาดการณ์ระยะเวลา 1 ปีจะสามารถสร้างผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงช่วยลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมทางการเกษตรได้อีกด้วย นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการยังมีส่วนในการเร่งพัฒนาเตาเวอร์ชั่น 2.0 ที่ช่วยผลิตน้ำส้มควันไม้ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรอื่นต่อไปด้วย จากเดิมที่ผลิตเพียง Biochar และเน้นเรื่องการจัดการคาร์บอนเครดิต เท่านั้น
จากการนำเสนอแผนธุรกิจในกิจกรรม Demo Day ในโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ธุรกิจเพื่อสังคมทุกทีมสามารถนำเสนอแผนการดำเนินงานได้อย่างโดดเด่นจนได้รับเงินทุนเพิ่มจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ โดย ทีมแล็บมูฟ ทีมแอ็กนอส และทีมฟาร์มแคร์ ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมทีมละ 5 แสนบาท พร้อมคว้าโอกาสในการต่อยอดธุรกิจร่วมกับกลุ่มวิมุต บริการด้านสุขภาพในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง และทีมวงศ์ไผ่ ได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมสูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจในชุมชน สร้างคาร์บอนเครดิต และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวต่อไป
“ทีมที่ได้รับคัดเลือกในปีนี้ต่างก็มีพันธกิจที่สอดคล้องกับนโยบายของพฤกษาที่ต้องการขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้คนในสังคม เราเชื่อว่าทั้ง 4 ทีมที่ผ่านเข้ามาได้ทำการแก้แผนธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้นในการขยายธุรกิจ มีโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมที่สอดคล้องกับโจทย์ที่กำหนด มีกรอบในการวัดผล มีความเป็นทีม มีประสบการณ์ และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนเพื่อผลักดันผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ซึ่งการที่พฤกษาเข้าไปช่วยสนับสนุนผ่านโครงการนี้ได้ช่วยเร่งให้แต่ละทีมไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ในโอกาสนี้ เราขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่ได้รับเงินลงทุนเพิ่มจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ อีกทั้งทุกทีมที่เข้าร่วมโครงการยังได้รับโอกาสร่วมเป็นพันธมิตรกับพฤกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม อยู่ดี มีสุข ตามเจตนารมณ์ของพฤกษา” นายอุเทน กล่าวในตอนท้าย
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง https://www.pruksaimpact.com/