กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 แข็งแกร่งหลังควบรวมกองทุนรวม ‘PPF’ เตรียมจ่ายปันผลต่อเนื่องจากผลการดำเนินงาน 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2567 เป็นเงิน 0.1433 บาทต่อหน่วย หลังจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงาน 4 เดือนแรกไปในงวดก่อนหน้า ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2567 จ่ายปันผล รวมทั้งสิ้น 0.4300 บาทต่อหน่วย ครองแชมป์รีท อุตสาหกรรมอันดับหนึ่ง

นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยมติประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีก 2 เดือน จากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2567 ในอัตรา 0.1433 บาทต่อหน่วย หลังจ่ายเงินปันผล 4 เดือนแรกไปในงวดก่อนหน้าในอัตรา 0.2867 บาทต่อหน่วย รวมครึ่งปีแรกของปี 2567 จ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.4300 บาทต่อหน่วย ครองแชมป์กองรีทปันผลครึ่งปีแรกสูงสุด เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 12 กันยายนนี้ พร้อมเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 สำหรับงวดการดำเนินงานวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ หลังการควบรวมกองทุนรวม ‘PPF’ ที่เข้ามาเสริมสร้างความมั่นคงตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2567 ถึงแม้จะยังรับรู้รายได้จากทรัพย์สินใหม่ไม่เต็มไตรมาส ในไตรมาส 2/2567 กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีรายได้รวม 275 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของรายได้จากการให้เช่าและบริการที่เติบโตขึ้นประมาณ 5% จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ (การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน) 337 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้มีการบันทึกรายการพิเศษเป็นกำไรจากดีลควบรวมและแปลงสภาพ ‘PPF’ ซึ่งเป็นกำไรทางการบัญชีที่คำนวณด้วยราคาตลาดของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ณ วันที่ทำรายการ ย้ำชัดภาพรวมผลการดำเนินงานที่มั่นคงสะท้อนมาจากปัจจัยพื้นฐานของทรัพย์สินในพอร์ตของกองทรัสต์ที่มีศักยภาพ และความสามารถของผู้จัดการกองทรัสต์ในการคัดเลือกและลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพเข้ามาในพอร์ตอย่างต่อเนื่อง

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด เพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ด้วยการบริหารงานแบบเชิงรุกของผู้จัดการกองทรัสต์ โดยขนาดทรัพย์สินที่ขยายตัวขึ้นมากกว่า 20% แตะ 13,600 ล้านบาท หลังรวมกองทุนรวมอสังหาฯ ‘PPF’ ได้สำเร็จตามแผน ถือเป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งถึงการก้าวข้ามข้อจำกัดในการเติบของกองทรัสต์อิสระ พร้อมเดินหน้านโยบายการบริหารกองทรัสต์ให้เติบโตอย่างมั่นคง ต่อเนื่อง และยั่งยืน หาโอกาสในการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพหลากหลายและคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นสำคัญ