กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดด้วย 2 รางวัลระดับนานาชาติ ทั้งรางวัลผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมยอดเยี่ยมของไทย (Best Industrial Developer Thailand) จาก World Economic Magazine Awards นิตยสารออนไลน์ด้านการเงินและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และรางวัลผู้นำแห่งความยั่งยืน (Green Leadership) จาก Asia Responsible Enterprise Awards (AREA)

ซึ่งยกย่ององค์กรชั้นนำที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานด้านความความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย

นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า 2 รางวัลที่ได้รับตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบที่ยึดหลักความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ควบคู่กับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สอดรับกับเป้าหมายของกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในค.ศ.2050 โดยตั้งเป้าการพัฒนาโครงการใหม่ต้องได้มาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับสากล ซึ่งหนึ่งในโปรเจ็คของบริษัทฯ ที่โดดเด่นและส่งผลให้ได้รับรางวัลคือ การพัฒนาศูนย์คัดแยกสินค้าที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กับ SPX Express ผู้ให้บริการขนส่งของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่างช้อปปี้ (Shopee)

ศูนย์คัดแยกสินค้าแห่งนี้เป็นอาคารคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) ขนาด 73,000 ตร.ม. บนพื้นที่ 74 ไร่ ในโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีจุดเด่นเพื่อรองรับระบบคัดแยกสินค้าอัตโนมัติ (Automated Sorting System) ที่สามารถคัดแยกสินค้าได้สูงถึง 2.2 ล้านกล่องต่อวัน และประตูขนถ่ายสินค้ารอบอาคารทั้ง 4 ด้าน (Double Cross-Docking) จำนวน 260 ประตู สามารถรองรับการรับและส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถคัดแยกและกระจายสินค้าจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้การจัดส่งสินค้าทันเวลา เป็นการสนับสนุนตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างมาก

ขณะเดียวกัน อาคารยังถูกออกแบบให้อนุรักษ์พลังงานและมีการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล, หลอดไฟ LED ที่ลดการใช้พลังงาน, สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาด 275 กิโลวัตต์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 180 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 3,500 ต้น รวมถึงร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้อาคารผ่านการจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างครบครัน โดยอาคารอยู่ระหว่างการยื่นขอการรับรองมาตรฐาน LEED ระดับ Gold

“รางวัลครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จถึงความทุ่มเทของทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงในการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของลูกค้าได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยโซลูชันด้านความยั่งยืนที่สอดรับเทรนด์ระดับโลก เพื่อสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าต่อเนื่องในการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างครอบคลุม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและผู้ใช้อาคารในระยะยาว” นายพีระพัฒน์กล่าว