• The Residences at Dusit Central Park ขึ้นเป็นอาคารสูง 5 ลำดับแรกของประเทศไทยแห่งใหม่ โดยมีความสูง 299 เมตร* และเป็นอาคารที่สูงที่สุดที่มีพื้นที่เชื่อมต่อเซ็นทรัล ลุมพินี
  • Dusit Central Park เป็นอสังหาริมทรัพย์หนึ่งเดียวของประเทศไทยที่นำเสนอความก้าวหน้าในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พร้อมรักษามรดกทางวัฒนธรรม ท่ามกลางนานาชาติกว่า 55 ประเทศทั่วโลก ณ งาน CTBUH 2024 International Conference
  • แนวคิด “New or Renew” ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการตึกสูงทั่วโลก ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างคุณค่ากลับคืนสู่สังคม การจัดสรรพื้นที่เพื่อสาธารณะประโยชน์ การเชื่อมต่อกับศูนย์กลางเศรษฐกิจ การสร้างแบรนด์ดิ้งให้กับเมือง และการผสานระหว่างคุณค่าทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมทันสมัย
  • The Residences at Dusit Central Park Sales Gallery พร้อมต้อนรับลูกค้าด้วยบรรยากาศการพักอาศัยระดับโลกรูปแบบใหม่ที่เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์มิกซ์ยูสครบวงจร ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ

บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ที่ดีที่สุดใน Super Core CBD ตอกย้ำเจตนารมณ์ของ Dusit Central Park ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โครงการภายใต้มาตรฐานระดับโลก และเป็นมิกซ์ยูสแห่งใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าของประเทศไทย โดยได้ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ในฐานะอาคารสูง 5 ลำดับแรกจากประเทศไทย* บนเวทีระดับโลก “CTBUH 2024 International Conference” ภายใต้ธีม “New or Renew” พิสูจน์ศักยภาพของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศไทยสามารถทัดเทียมนานาประเทศ พร้อมแบ่งปันทิศทางการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสของโลกที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่า ประโยชน์ต่อผู้คน และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยในเมือง พร้อมเปิดประสบการณ์ที่พักอาศัยระดับโลก ณ The Residences at Dusit Central Park Sales Gallery ชั้น 2 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ

คุณละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ Dusit Central Park กล่าวว่า “จากการร่วมเป็นตัวแทนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ และแนวคิดในการพัฒนาโครงการ Dusit Central Park บนเวที CTBUH 2024 International Conference” พร้อมผู้พัฒนาและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จากกว่า 55 ประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ที่ผ่านมา ภายใต้ธีมประจำปี “New or Renew” โดย    ทั่วโลกมีทิศทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูสขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการสร้างความเชื่อมโยงของการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างหลากหลาย ทำให้ในแต่ละโครงการล้วนส่งผลต่อชุมชนและผู้อยู่อาศัยในเมืองนั้น ๆ ในการเข้าร่วมครั้งนี้ Dusit Central Park ได้แสดงวิสัยทัศน์ภายใต้หัวข้อFrom Legend to Future: Transforming a Legacy into a Market-shaping Development” กับการถ่ายทอดเรื่องราวการสร้างสรรค์และพัฒนาพื้นที่ด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นมุมมองใหม่สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูสครบวงจรในประเทศไทยที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน และนับว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่มีศักยภาพตรงตามทิศทางในการพัฒนามิกซ์ยูสของนานาชาติ โดยได้นำเสนอเรื่องราวและความท้าทายในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการรักษาคุณค่าของมรดกจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เดิม ที่เป็นโรงแรมระดับตำนานที่อยู่เคียงข้างกรุงเทพฯ มานานกว่า 50 ปี จนกลายเป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ สู่การต่อยอดสร้างคุณค่าใหม่ ที่ผสมผสานแนวทาง “Legacy meets Luxury” โดยให้นิยามใหม่ของ  ไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ผ่านการอนุรักษ์ และการผลักดันนวัตกรรมร่วมสมัย ด้วยรากฐานจากวิสัยทัศน์ “Here for Bangkok” ผ่านการนำเสนอความเป็นเลิศในด้านของการบริการ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมารวมกันไว้ในหนึ่งเดียว เพื่อขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้คนทั่วโลกที่มีต่อกรุงเทพฯ ณ ตำแหน่งที่สุดของทำเล Super Core CBD ย่านพระราม 4 - สีลม และเซ็นทรัล ลุมพินี ด้วยการพัฒนาโครงการแบบผสมผสานที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยว พักผ่อน ช้อปปิ้ง การทำงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองในทุกด้าน ซึ่งจะเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ทุกคนทั่วโลกต้องจับตามองในฐานะ The Only Thai Branded Residences ในตลาด”

คุณละเอียด กล่าวต่อไปว่า “นอกจากการร่วมเสวนาแล้วนั้น เรายังได้ต่อยอดความสัมพันธ์สู่การสร้างสรรค์เรื่องรา ครั้งใหม่ ผ่านความร่วมมือที่นับเป็นโครงการแรกของประเทศไทย กับโปรแกรมการเรียนรู้ Design Studio” ที่มีคณาจารย์และนักศึกษาปริญญาโท สถาบันเทคโนโลยีแห่งอิลลินอยส์ (Illinois Institute of Technology (IIT) สหรัฐอเมริกา จะมาเยือนโครงการ ณ ประเทศไทย ในช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ที่จะถึงนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความท้าทายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ Dusit Central Park ที่ประกอบด้วย โรงแรม Dusit Thani Bangkok ที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ The Residences at Dusit Central Park อาคารสำนักงานระดับพรีเมี่ยม Central Park Offices และ ศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ Central Park Retail พร้อม “Roof Park” สวนสาธารณะลอยฟ้าขนาดใหญ่ 11,200 ตารางเมตร ที่ถูกออกแบบให้เป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อทั้ง 4 อาคารไว้ด้วยกัน รวมทั้งการศึกษาและวิเคราะห์ถึงการเก็บรักษาและส่งต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันเต็มเปี่ยม ทั้งในเชิงสถาปัตยกรรมภายนอกและการออกแบบตกแต่งภายใน จนก่อเกิดเป็นอัตลักษณ์ความเป็นไทยสอดแทรกไว้ในทุกจุด เพื่อนำรูปแบบการก่อสร้างโครงการ Dusit Central Park เป็นต้นแบบการพัฒนาโครงการระดับโลกที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และประสบการณ์เพื่อนำไปต่อยอดการพัฒนาตึกสูงในประเทศต่าง ๆ ภายใต้การเชื่อมโยงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่สู่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทใหม่ ๆ ในอนาคต ทั้งนี้ เมื่อโครงการดำเนินการก่อสร้างบนพื้นที่กว่า 23 ไร่ (36,800 ตารางเมตร) มอบพื้นที่ใช้สอยภายในโครงการกว่า 440,000 ตารางเมตร โดย The Residences at Dusit Central Park ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดของโครงการ มีความสูงจากฐานถึงยอดอาคาร 299 เมตร นับว่าเป็นโครงการที่เชื่อมต่อเซ็นทรัล ลุมพินีที่มีความสูงอันดับ 1 และเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นอาคารสูง 5 ลำดับแรกของประเทศไทย*

เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกท่านสามารถสัมผัสประสบการณ์ระดับโลกของโครงการ The Residences at Dusit Central Park ทางโครงการได้รังสรรค์พื้นที่ Sales Gallery เพื่อนำเสนอประสบการณ์การพักอาศัยระดับโลกรูปแบบใหม่ที่เชื่อมต่อ     ไลฟ์สไตล์มิกซ์ยูสครบวงจร ตั้งแต่การอยู่อาศัย การทำงาน การช้อปปิ้ง การท่องเที่ยว และการพักผ่อนในพื้นที่เดียว ภายใต้การให้บริการของกลุ่มดุสิตธานีอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบไทยและทรงคุณค่าในแบบฉบับ Thai Branded Residences ที่ละเมียดละไม ใส่ใจในทุกรายละเอียด และการบริการชั้นเลิศที่สะท้อนถึงความเป็นไทยที่อบอุ่นและมีไมตรีจิต ทั้งนี้ The Residences at Dusit Central Park Sales Gallery เปิดต้อนรับทุกท่าน ณ บริเวณชั้น 2 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ

*รับรองโดย Council on Tall Buildings and Urban Habitat (CTBUH), The United States ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2567