Livinginsider Next 7.0 เปิดอินไซด์พฤติกรรมคนไทย “PropTech & Living trends” โอกาสสู่การลงทุนอสังหาฯ 2025
Livinginsider Next 7.0 เปิดอินไซด์พฤติกรรมคนไทย “PropTech & Living trends” โอกาสสู่การลงทุนอสังหาฯ 2025 ฉายภาพรวมของโอกาสและความท้าทาย รวมถึงแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวน พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างแม่นยำ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น
นางสาวขวัญฟ้า ชินเชรษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บริษัท ลิฟวิ่ง อินไซเดอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา Livinginsider ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยการมีส่วนช่วยให้หลายคนได้พบกับบ้านที่ดี จนกลายเป็นแพลตฟอร์มอสังหาฯ ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในขณะนี้ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์กว่า 5 ล้านครั้งต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นบริษัทผู้พัฒนา เจ้าของทรัพย์ และนายหน้าอสังหาฯ รวมกว่า 350,000 คน มากกว่า 400 บริษัท
นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดงานเสวนา Livinginsider Next 7.0 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ Livinginsider จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และในปีนี้ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 จึงได้จัดงานภายใต้คอนเซ็ปต์ REAL TIME | REAL LIFE | REAL ESTATE “ฝ่าวิกฤตพลิกโอกาส กับเทรนด์ตลาดอสังหาฯ” ที่เจาะลึกทุกมิติของตลาดอสังหาฯ ไทย ทั้งการถอดรหัสเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค การพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมล่าสุด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ รวมถึงวิเคราะห์มุมมองและกลยุทธ์การลงทุนอสังหาฯ ไทยในอนาคต
นายภูวนัย ภัทรโภคิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลิฟวิ่ง อินไซเดอร์ จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติบนเว็บไซต์ Livinginsider.com ช่วงปี 2566-2567 พบว่า การค้นหาประกาศอสังหาฯ ให้เช่าเติบโตขึ้นถึง 13% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่หมวดหมู่การซื้อปรับตัวลดลงกว่า 20% โดยผู้เข้าเยี่ยมชมส่วนใหญ่สนใจที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงถึง 74% ส่วนบ้านจัดสรรมีสัดส่วนเพียง 26%สำหรับรูปแบบห้องชุดที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน มีสัดส่วน 63% รองลงมาเป็นห้องชุด 2 ห้องนอน 24% และแบบสตูดิโอ 10% โดยการค้นหาคอนโดฯ ส่วนใหญ่เป็นการเช่า 55% และการซื้อ 45% ส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านแนวราบ พบว่า บ้านเดี่ยวยังคงครองใจคนส่วนใหญ่ โดยมีสัดส่วนการค้นหามากถึง 62% เทียบกับทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดที่มีสัดส่วน 38% ทั้งนี้เป็นการค้นหาในหมวดหมู่การเช่าสูงถึง 63% และการซื้อ 37% สะท้อนให้เห็นว่าความยืดหยุ่นทางการเงินยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน
ด้านงบประมาณการซื้อที่อยู่อาศัยที่คนส่วนใหญ่มองหาในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ บ้านจัดสรรราคาเฉลี่ยประมาณ 12.3 ล้านบาท และคอนโดฯ ราคา 6.8 ล้านบาท ส่วนในต่างจังหวัด จะเป็นกลุ่มบ้านราคาเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท และคอนโดฯ ราคา 3.2 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณสำหรับการเช่าที่คนส่วนใหญ่มองหาในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเป็นบ้านที่มี
ค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 45,000 บาทต่อเดือน และคอนโดฯ 14,000 บาทต่อเดือน ส่วนงบประมาณสำหรับการเช่าในต่างจังหวัด จะเป็นบ้านที่มีค่าเช่าเฉลี่ย 23,000 บาทต่อเดือน และคอนโดฯ ราคา 7,400 บาทต่อเดือน
ส่วนภาพรวมของทำเลที่มีการค้นหาที่อยู่อาศัยมากที่สุดในปี 2567 สำหรับประเภทคอนโดฯ 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 อโศก ทองหล่อ และเอกมัย, อันดับ 2 พระราม 9, อันดับ 3 อ่อนนุช และปุณณวิถี, อันดับ 4 รัชดาภิเษก ห้วยขวาง และอันดับ 5 ห้าแยกลาดพร้าว ส่วน 5 อันดับทำเลที่มีการค้นหาบ้านจัดสรรมากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 พัฒนาการ ศรีนครินทร์ กรุงเทพกรีฑา, อันดับ 2 รามอินทรา-วัชรพล, อันดับ 3 บางนา กม.7 รามคำแหง 2 และเมกา บางนา, อันดับ 4 ปทุมธานี รังสิต และอันดับ 5 นนทบุรี บางใหญ่ บางบัวทอง
ด้าน 5 อันดับทำเลต่างจังหวัดที่มีการค้นหาที่อยู่อาศัยมากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 ชลบุรี พัทยา ศรีราชา เนื่องจากมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ทำให้มีผู้อยู่อาศัยและความต้องการซื้อมากขึ้น, อันดับ 2 เชียงใหม่, อันดับ 3 หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ปราณบุรี, อันดับ 4 ภูเก็ต
และอันดับ 5 ขอนแก่น
สำหรับการอยู่อาศัยของคนเมือง การอยู่อาศัยในทำเลใกล้รถไฟฟ้านับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันจะมีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการหลายสาย แต่คนส่วนใหญ่ยังคงเลือกซื้อที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวมากที่สุด โดยสถานีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 ทองหล่อ, อันดับ 2 เอกมัย, อันดับ 3 พร้อมพงษ์, อันดับ 4 อ่อนนุช และอันดับ 5 ช่องนนทรี นอกจากนี้ยังพบว่าสถานีรถไฟฟ้าที่มีผู้เข้าค้นหาอันดับต้น ๆ ส่วนใหญ่เป็นทำเลที่มีแหล่งไลฟ์สไตล์ครบครัน รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า สำนักงาน และสถานศึกษา ส่วนการค้นหาที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า MRT ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 สถานี ได้แก่ อันดับ 1 เพชรบุรี, อันดับ 2 พระราม 9, อันดับ 3 สุขุมวิท, อันดับ 4 พหลโยธิน และอันดับ 5 สามย่าน ซึ่งขยับขึ้นมาจากปีก่อน และทำให้สถานีห้วยขวางตกไปอยู่อันดับ 6 แทน
“จากสถิติการเข้าชมประกาศต่างๆ ทำให้มองเห็นเทรนด์ภาพรวมของอสังหาฯ ที่พบว่า การเช่าที่อยู่อาศัยระยะสั้นได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่อยากผูกมัดและต้องการอิสระในการใช้ชีวิตที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สะท้อนผ่านการประกาศให้เช่าที่มีอัตราการเติบโตถึง 66% และการค้นหาประกาศที่เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2566 โดยเฉพาะการเลือกที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับกระแส Workation หรือการทำงานในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ และเลือกเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้บ่อยครั้ง ทำให้การเช่าระยะสั้นจึงกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่” นายภูวนัยกล่าว
ขณะเดียวกันด้านเทรนด์ Pet Friendly ยังคงได้รับความนิยม และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติพบว่า การสร้างประกาศที่พักเลี้ยงสัตว์ได้มีการเติบโตถึง 60% และการค้นหาประกาศเพิ่มขึ้น 25% สอดคล้องกับกระแสคนรักสัตว์ที่มองหาที่พักที่ตอบโจทย์ทั้งตัวเองและสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้การค้นหาบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ในปี 2567 มีสัดส่วนสูงถึง 69% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บ้านหรูยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบัน และอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือ การค้นหาที่อยู่อาศัยจาก แบรนด์อสังหาฯ โดยในปีที่ผ่านมาแบรนด์ที่มีผู้เข้าชมประกาศซื้อมากที่สุด ได้แก่ “แสนสิริ” ตามมาด้วย เอพี, อนันดา, แอล.พี.เอ็น.และ พฤกษา ส่วนแบรนด์ที่มีผู้เข้าชมประกาศเช่ามากที่สุด ได้แก่ เอพี ตามมาด้วยแสนสิริ, อนันดา, แอล.พี.เอ็น.และพฤกษา ตามลำดับ
ด้านการดำเนินงานของ Livinginsider ยังคงมีการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ซึ่งในปีนี้ได้พัฒนาซูเปอร์แอปพลิเคชันที่พลิกโฉมจาก LivingStock มาเป็น Livinginsider เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายบนแอปพลิเคชันที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่รองรับเทรนด์อสังหาฯ แห่งอนาคต ได้แก่ Life Style การค้นหาตามไลฟ์สไตล์ เพื่อเพิ่มทางเลือกประสบการณ์การค้นหาแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งาน, Notify Me ระบบการแจ้งเตือนผู้ค้นหา สำหรับสิ่งที่สนใจ และที่กำลังมองหาอยู่ รองรับการใช้งาน 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ และเพิ่มภาษาใหม่ คือ ภาษาจีน, Intelligent Search ระบบช่วยค้นหาแบบอัจฉริยะ ตัวช่วยที่ทำให้ประหยัดเวลาในการค้นหา และ Chat Auto Translate ระบบช่วยแปลภาษา เพิ่มประสิทธิภาพให้การสื่อสารเป็นเรื่องที่สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ ‘Prop360’ ซึ่งเป็นระบบ CRM เจ้าแรกของไทย ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขายอสังหาฯ อย่างแท้จริง โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูลลูกค้า และการกำหนดคุณภาพการทำงานในทีม