SMART ลุยต่อโค้งสุดท้ายปี 2567 ท่ามกลางความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจ ภาพรวมอสังหาฯชะลอตัว หวังมาตรการภาครัฐ ความคึกคักการท่องเที่ยว หนุนความต้องการที่อยู่อาศัยขยับขึ้น มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา-มวลเบาตกแต่ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์เทรนด์ที่อยู่อาศัยรักษ์โลก ขยายช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด ดิลเลอร์ ควบคู่กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม สร้างรายได้เติบโต สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้รวม 461.63 ล้านบาท กำไรสุทธิ 75.89 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 รายได้รวม 140.15 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.54 ล้านบาท 

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 ยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ อาทิ การชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาหนี้สินครัวเรือน มองว่าหากภาครัฐออก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน ประกอบกับความคึกคักของภาคการท่องเที่ยว จะสนับสนุนให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ผลักดันให้ความต้องการวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นตาม

ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมความพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาดโดยตลอด มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาและอิฐมวลเบาตกแต่ง ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล ผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ-แนวสูง ในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

อีกทั้ง ขยายช่องทางจำหน่ายออฟไลน์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ร้านโมเดิร์นเทรด ร้านวัสดุก่อสร้าง ตัวแทนจำหน่าย ควบคู่กลยุทธ์การตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึง ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และบริหารจัดการควบคุมต้นทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

 

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 มีรายได้รวม 461.63 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 541.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75.89 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 78.84 ล้านบาท 

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 140.15 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 185.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.54 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.40 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ผลประกอบการโดยรวมของบริษัท ปรับตัวลดลง เป็นผลจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการเปิดโครงการใหม่ ส่งผลให้ความต้องการวัสดุก่อสร้างโดยรวมลดลง