เมื่อพูดถึงความยั่งยืน คนส่วนใหญ่มักคิดถึงเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่รู้หรือไม่ว่า? การพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและดูแลความสะอาดอาคารสถานที่ก็เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนได้เช่นกัน

ทุกวันนี้ในวงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการนำนวัตกรรมชั้นสูงมาช่วยในการบริหารจัดการอาคาร ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ อย่างการใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) ในการจัดการทรัพยากร หรือการใช้เซนเซอร์อัจฉริยะเพื่อควบคุมการใช้พลังงาน มาช่วยลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังส่งเสริมความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์มาแล้วว่าได้ผล

ในงานสัมมนา TERRAHINT Brand Series 2024 ที่จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ TERRAHINT Brand Series 2024 Luxury is a necessity in the sustainability era. #ชีวิตติดแกลม เจาะกลยุทธ์การพัฒนาแบรนด์สู่ความลักซ์ชัวรี ที่จัดขึ้นเพื่อจุดประกายทางความคิด สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้ฝ่ามรสุมทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน ส่วนหนึ่งของเวทีนี้มีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Innovation for Sustainable Living นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน” โดย นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้นำด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและอาคารสถานที่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ได้มาให้ทัศนะเกี่ยวกับการยกระดับการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับมอบประสบการณ์ความหรูหรา ด้วยการใช้นวัตกรรมยุคใหม่ที่พัฒนาโดยคนไทย

ความหรูหราในยุคแห่งความยั่งยืน เริ่มต้นจากเข้าใจข้อมูล

ขยลได้ให้นิยามความหมายใหม่ของความหรูหราในยุคปัจจุบันนี้ คือ การใช้ชีวิตที่มีความรู้สึกอบอุ่น มั่นใจ สบายใจ โดยมีเทคโนโลยีสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยและความสะดวกสบายในทุกวัน ซึ่งการจะสร้างความหรูหราในยุคแห่งความยั่งยืนที่มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยนั้น จำเป็นต้องทำความเข้าใจข้อมูล (Database) ที่มีอยู่ และนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนพัฒนาเป้าหมาย (KPI) สำหรับอนาคต โดยเฉพาะการวัดผลการลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจก คือปัจจัยสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมิติของการพัฒนาอสังริมทรัพย์

            “คนส่วนใหญ่มักพูดถึง AI Revolution ที่กำลังจะเข้ามาช่วยมนุษย์ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เข้ามาดิสรัปทุกอย่าง ทุกเจนตั้งแต่ Gen Z ไปจนถึง Baby Boom แต่ถ้าเราไปดูใน Economic Forum ต่างประเทศ สิ่งที่น่ากังวลจริงๆ ไม่ใช่ AI Revolution แต่เป็น Climate Change ซึ่งตอนนี้มนุษย์เรากำลังอยู่บนไทม์มิ่งนี้จริงๆ และใกล้ตัวมาก”

            ขณะที่ในประเทศไทยมีการเติบโตของอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า แค่เฉพาะอาคารสำนักงาน ในปี 2024 มีมากกว่า 99,000 ยูนิต แต่กลับมีการก่อสร้างและออกแบบภายใต้มาตรฐาน Green Building น้อยกว่า 1% และส่วนใหญ่ยังโฟกัสไปที่การรีไซเคิลวัสดุ ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

6 แกนของ Sustainable Green Building Management

จากประสบการณ์ทำงานใกล้ชิดกับข้อมูลความยั่งยืนในการบริหารจัดการอาคาร ขยลหยิบยก 6 แกนสำคัญของ Sustainable Green Building Management ต้องประกอบไปด้วย

  1. การออกแบบที่ทนทานและดูแลรักษาได้ง่าย (Durable and Maintainable Design)
  2. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency)
  3. คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environmental Quality)
  4. ประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Water Efficiency)
  5. การลดขยะ (Waste Reduction)
  6. การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Friendly Materials Use)

“การสร้างให้ 6 แกนนี้เกิดเป็นความยั่งยืนได้ เราต้องรู้ก่อนว่า ค่าการปล่อยคาร์บอนฯ เป็นเท่าไร? เกิดการวัดผลได้ เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มจึงเข้ามาบทบาท”

ภายใต้การนำของ ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่ง เมทเธียร์ (Metthier) ซึ่งเป็น Tech Company ที่เกิดจากการให้บริการ CCTV Integration Software Platform โดยให้ AI Analytics ทำงานร่วมกับมนุษย์ ก่อนจะขยายเซอร์วิสมาให้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ Smart Facility Management ที่สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบต่างๆ ในอาคาร รวมถึงให้บริการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะและหุ่นยนต์ทำความสะอาด (MettBot) ที่ทำงานร่วมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาด โดยมีกุญแจสำคัญอยู่ที่ MIOC (Metthier Intelligent Operation Center : ระบบศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัย โดยการผสานพลังของ AI และ Smart IoT)

แพลตฟอร์ม Smart Facility Management ของคนไทย 

สิ่งที่เมทเธียร์ทำต่ออย่างต่อเนื่อง คือการ Integrate 12 ระบบ (CCTV SYSTEM, ACCESS CONTROL, VISITOR ACCESS, METAL DETECTOR, AIR QUALITY, LIGHTING SYSTEM, HVAC SYSTEM, FIRE ALARM, ESCALATOR & LIFT, AIR FLOW SYSTEM, ELECTRICITY, WATER SYSTEM) ที่มีอยู่ในอาคารชั้นนำ สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า หรือโรงพยาบาล ให้สามารถรายงานข้อมูลได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว วิเคราะห์ปริมาณคาร์บอนฯ และพลังงาน เพื่อนำมาจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลดการหมุนเวียนของรถยนต์ด้วยระบบ Parking หรือ การควบคุมมระบบ HVAC control (ระบบควบคุมสภาพแวดล้อมในอาคาร) ที่นำระบบมาสร้างเป็น AI Model ขึ้นมา เพื่อปรับอุณหภูมิภายในอาคารที่เหมาะสม ลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง ซึ่งนำไปสู่การลดการปล่อยคาร์บอนฯ

“ยกตัวอย่างที่เมทเธียร์นำหุ่นยนต์ทำความสะอาดเข้ามาใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่และกว้างมาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กำลังคนทุกส่วน แต่ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีไลดาร์ และระบบการทำงาน Autonomous มาทำงานร่วมกับแม่บ้าน ทำให้ทำงานตรงนี้ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วทุก Performance จะมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้”

นอกจากนี้เมทเธียร์ยังขยายบริการไปยังธุรกิจโรงพยาบาลในเครือวิภาราม 5 และให้บริการกับ SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, Airport Rail Link เพื่อให้บริการบริหารจัดการอาคารในรูปแบบต่างๆ ด้วยเมทเธียร์เชื่อมั่นว่าการประยุกต์ใช้ให้เทคโนโลยีทำงานร่วมกับคน จะสามารถพัฒนาเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนได้อย่างยั่งยืน