ไฟเขียวแอร์พอร์ตลิงก์จัดซื้อเอง คมนาคมอ้างลดซ้ำซ้อน/คล่องตัว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปพิจารณาเรื่องของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น โดยเบื้องต้นเห็นว่าควรจะมอบอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ที่ ร.ฟ.ท.ถือหุ้นอยู่ 100% ไปดำเนินการเองทั้งหมด และให้สามารถบริหารจัดการต่างๆ ได้เอง โดยการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการมอบอำนาจบริหารให้ทางบริษัท ไม่ได้แยกตัวออกไป เพราะยังคงความเป็นบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.อยู่เหมือนเดิม แต่เพื่อไม่ให้การดำเนินงานทับซ้อนกันเหมือนในปัจจุบัน ที่ต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. และบอร์ด ร.ฟ.ท. ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้า
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า ยังเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.ปรับปรุงรายละเอียดแผนฟื้นฟูองค์กร เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ดโดยเร็ว โดยเฉพาะประเด็นการแก้ปัญหาหนี้สิน บุคลากร การปรับปรุงโครงสร้างภายใน และการแบ่งแยกทรัพย์สินระหว่าง ร.ฟ.ท.กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ให้ชัดเจน เนื่องจากขณะนี้ ร.ฟ.ท.กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนพนักงานทั้งสายวิชาชีพและสายปฏิบัติอย่างหนัก โดยฝ่ายวิศวกรจะขาดหายไปมาก รวมถึงฝ่ายบริหารที่ปี 2558 จะมีระดับรองผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.เกษียณอายุเกือบทั้งหมด รวมถึงฝ่ายปฏิบัติการปัจจุบัน ก็รับได้แค่เฉพาะลูกจ้างเท่านั้น
"ร.ฟ.ท.จะต้องไปจัดทำแผนการใช้กำลังคนให้ชัดว่าจะขาดแคลนเท่าไร รวมถึงมีแผนพัฒนาอย่างไรไม่ให้ขาดช่วง ตลอดจนการแก้ข้อบังคับวิธีการเบิกจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ โดยทางผู้เกษียณอยากเบิกใช้ได้ทันที ไม่ต้องรอมอบให้ทายาทภายหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเงินในส่วนนี้จะต้องใช้เงินถึง 2,000 ล้านบาท ดังนั้น ร.ฟ.ท.จะต้องมีแผนที่ชัดเจน" นางสร้อยทิพย์กล่าว
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้งกรมการขนส่งระบบราง (กรมราง) นั้น ที่ผ่านมาได้ชี้แจงให้ ร.ฟ.ท. และ รฟม. ทราบว่า เพื่อให้มีหน่วยงานกลางมากำกับดูแลในเรื่องของระบบรางทั้งหมดจะเหมาะสมกว่า โดยจะครอบคลุมทั้งในเรื่องการดูแลด้านความปลอดภัย และการกำหนดอัตราค่าบริการ เป็นต้น จากปัจจุบันที่ ร.ฟ.ท.เป็นผู้กำหนดค่าบริการและให้บริการเอง จึงไม่มีหน่วยงานด้านการกำกับดูแลอย่างแท้จริง
ที่มา : นสพ.มติชน
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.