"ความมั่งคั่ง" คืออะไร
ความมั่งคั่ง (Wealth) คืออะไร? ความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่หลายคนพยายามขวนขวายด้วยการทำงานอย่างหนักเพื่อให้มีทรัพย์สินเงินทองมากเพียงพอไว้สำหรับจับจ่ายใช้สอยและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปัจจุบันหลายๆคนพยายามหาวิธีการรวยลัดรวยเร็วและหันมาสนใจการลงทุนเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและครอบครัวในอนาคต TerraBKK จึงอยากที่จะพาไปสำรวจความมั่งคั่งและทำความเข้าใจว่าความมั่งคั่งนั้น คืออะไร?
ความมั่งคั่ง (Wealth) หาได้จากการสำรวจทรัพย์สินและหนี้สินของเราว่าสุดท้ายแล้วเรามีทรัพย์สินสุทธิอยู่เท่าไร ซึ่งทรัพย์สินสุทธิจะบอกเราได้ว่าเรามีความมั่งคั่งหรือไม่ (ทรัพย์สินในความหมายง่ายๆ คือ สิ่งที่สามารถสร้างเงินเข้ากระเป๋า หนี้สิน คือ สิ่งที่เป็นค่าใช้จ่ายเอาเงินออกจากกกระเป๋า)
ทรัพย์สินสุทธิ (+) หมายความว่า ถ้าเราชำระหนี้สินทั้งหมดเรายังมีทรัพย์สินเหลืออยู่ ยิ่งทรัพย์สินสุทธิเป็นบวกมาก ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะนำเงินไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่งได้มากขึ้นเท่านั้น
ทรัพย์สินสุทธิ (-) หมายความว่า ทรัพย์สินทั้งหมดไม่สามารถชำระหนี้สินทั้งหมดที่เรามีได้ หมายความว่าสถานะทางด้านการเงินของเราค่อนข้างแย่ ยิ่งทรัพย์สินสุทธิติดลบมากยิ่งไม่ดีและจะยิ่งบั่นทอนความมั่งคั่งของเราให้ลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้าหากทรัพย์สินสุทธิของเราติดลบไม่ว่าจะมากหรือน้อยเราควรจะกลับมาวางแผนทางการเงินของเราใหม่ เพราะถ้าปล่อยไว้ในระยะยาวสิ่งที่ตามมาคือความลำบากในการใช้ชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจทุนนิยมในปัจจุบันซึ่งเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “เงิน” เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต TerraBKK ขอแนะนำว่า เราควรจะติดตามและตรวจสอบฐานะทางการเงินของเราอย่างสม่ำเสมอ โดยต้องตรวจสอบเป็นประจำ 3-6 เดือนต่อครั้ง เพื่อเป็นการตรวจเช็คและเฝ้าระวังความมั่งคั่งของเราอยู่ตลอด เพราะบางครั้งเราอาจจะซื้อหนี้สินเข้ามามากเกินไปจนทำให้ความมั่งคั่งของเราลดลงไปนั่นเอง
คงเกิดคำถามว่า “ทรัพย์สิน” จะสร้างความมั่งคั่งให้เราได้อย่างไร
ทรัพย์สิน มีหลายประเภท เช่น เงินสด เงินฝากธนาคาร พันธบัตร หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน ทองคำ ทรัพย์สินเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้อยู่ในรูปของ ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า รายได้จากธุรกิจที่ลงทุน โดยทรัพย์สินแต่ละประเภทมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ถ้าหากทรัพย์สินเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่ารายจ่ายแล้ว แสดงว่า คุณเป็นผู้ที่มีความมั่งคั่งและมีอิสรภาพทางด้านการเงิน (Financial Freedom) โดยสามารถเช็คความมั่งคั่งหรืออิสระภาพทางด้านการเงินของเราได้โดยใช้ อัตราส่วนความมั่งคั่ง (Wealth Ratio)
อัตราส่วนความมั่งคั่ง น้อยกว่า 1 แสดงว่า คุณยังไม่มีอิสระภาพทางการเงิน จากรายจ่ายมากกว่ารายได้ที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน
อัตราส่วนความมั่งคั่ง มากกว่า 1 แสดงว่า คุณมีอิสระภาพทางด้านการเงินแล้วรายได้จากทรัพย์สินที่มีอยู่สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่ารายจ่าย
ความมั่งคั่งเราสามารถสร้างกันได้ทุกคน แต่เราไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะเหมือนมหาเศรษฐีหลายๆคน เราต้องถามตัวเราว่าเราพอใจที่จุดไหนบางคนมี 10 ล้านก็พอใจแล้ว บางคน 50 ล้าน บางคน 100 ล้าน ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนด้วย และเมื่อเรามีเป้าหมายเหล่านี้แล้วจึงค่อยมากำหนดแผนเพื่อที่จะบริหารความมั่งคั่งให้ถึงเป้าหมาย จากประเด็นข้างต้นทำให้การจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) เป็นเรื่องที่สำคัญ ฉะนั้นการบริหารความมั่งคั่งควรที่จะวางแผนการเงินในทุกๆด้านจัดการรายได้ รายจ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต และค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน ให้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตเพื่อให้มีเงินพอกินพอใช้ไปตลอด ทั้งการทำประกันความเสี่ยง การใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อลดภาษี การวางแผนการเก็บออม รวมถึงการลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยง - เทอร์ร่า บีเคเค
เปรียบเทียบความเสี่ยงและผลตอบแทนในทุก Asset Class "ผลตอบแทน” และ “ความเสี่ยง” ของสินทรัพย์แต่ละประเภท มาเปรียบเทียบเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกัน และผลตอบแทนจะแตกต่างกันอย่างไร โดยความเสี่ยงในที่นี้อาจจะหมายถึงความผันผวน (Volatility) ของผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ ความผันผวนมากแสดงถึงความเสี่ยงที่มาก
10 มหาเศรษฐี "รวยที่สุด" ในประเทศไทย ทำธุรกิจอะไร Top10 มหาเศรษฐีในประเทศไทย" จากการจัดอันดับของ "Forbes Thailand" ใครแต่ละคนทำธุรกิจอะไรกัน ติดตามได้ดังต่อไปนี้...อันดับที่ “ครอบครัว จิราธิวัฒน์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 413,956.50 ล้านบาท
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก