MKเจรจาพันธมิตรไทย-ต่างชาติ มุ่งทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต

นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.มั่นคงเคหะการ(MK) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนในการเข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรหลายรายทั้งในไทยและต่างประเทศที่สนใจเข้ามาร่วมธุรกิจ ทั้งนี้มองว่าพันธมิตรที่จะเข้ามา ต้องมีประสบการณ์ด้านการตลาดและเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างที่จะมาช่วยเสริมธุรกิจของบริษัทได้ในอนาคต ส่วนแผนการลงทุนในปี 2558 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ ทั้งโครงการแนววราบและคอนโดมิเนียม รวมมูลค่าประมาณ 5,900 ล้านบาท ขณะที่มีอีก 15 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการขาย มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการที่พร้อมขายในปี 2558 นี้กว่า 11,400 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับเป้าหมายรายได้ในปี 2558 ที่ 3,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขายที่ 4,000 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มและปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 นั้น มองว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 ถือว่ามีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างจะคึกคักกว่าปี 2557 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากปัจจัยบวกด้านการลงทุนจากภาครัฐในโครงการเมกะโปรเจกท์ต่างๆเพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างค่อนข้างทรงตัว และอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับต่ำ รวมถึงสภาพคล่องในตลาดเงินที่มีอยู่ค่อนข้างสูง

ในขณะเดียวกันปัจจัยเสี่ยงก็มีไม่น้อยเช่นกัน ทั้งจากหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง ทำให้ส่งผลต่อกำลังซื้อและความสามารถในการกู้ของผู้บริโภค รวมไปถึงภาวะแรงงานที่อาจขาดแคลนจากโครงการเมกกะโปรเจกท์ต่างๆของภาครัฐ และเศรษฐกิจโลกที่ยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนภาวะทางการเมืองโลก ก็วนเป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นในปี 2558 บริษัทจึงได้มีการเตรียมกลยุทธ์ต่างๆ ในเชิงรุก เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ต่างๆ มากขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความยืดหยุ่น พร้อมรับสถานการณ์จากปัจจัยเสี่ยงด้วยเช่นกัน น.ส.ชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายบัญชี-การเงิน บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) กล่าวว่า ปี 2558 นี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 3,000 ล้านบาท เติบโต 28% จากปี 2557 ที่มีรายได้ 2,400 ล้านบาท โดยรายได้ในปี 2558 จะมาจากคอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท ส่วนอีก 2,500ล้านบาท มาจากโครงการแนวราบ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (backlog) ประมาณ 500 ล้านบาท ใกล้เคียงปี 2557 ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาขาย เพราะต้นทุนวัสดุก่อสร้างยังทรงตัว ขณะที่ยอดขายปี 2558 ตั้งเป้าหมาย 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท โดยจะมาจากคอนโดมิเนียม 1,200 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2,800 ล้านบาท โดยเดือนมกราคม 2558 มียอดขายแล้ว 200 ล้านบาท สูงกว่าเดือนมกราคม 2557 ที่มียอดขาย 160 ล้านบาท