อายุ 40+ อาจจะยังพอคุ้นหน้าคุ้นตา แต่รับรองเด็กรุ่นใหม่วัยดิจิม่อนอย่างเราๆ ไม่เคยเห็นกันแน่นอน มาดู 10 ขนมสวยๆ ชื่อไพเราะ ชวนน่ารับประทานกัน 10 ขนมไทยชาววังที่บางคนไม่เคยเห็นมาก่อนนั้น มีหน้าตาและวิธีการทำที่ยุ่งยากเหลือเกินค่ะ สงสัยว่า กว่าจะคิดได้แต่ละเมนู ได้มีสิ่งใดบ้างที่เป็นส่วนผสม ขนมถึงได้ออกมาน่าทาน ช่างครีเอทีฟสรรค์สร้างได้ขนาดนี้ มาเริ่มที่อันดับ 1 เลยค่ะ
1. บุหลันดั้นเมฆ
หนึ่งในบรรดาขนมไทยชาววัง ที่มีชื่อ หน้าตาและสีสัน ที่สวยงาม เกิดจากจินตนาการ ออกแบบสีและรูปทรงจากการฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ "บุหลันลอยเลื่อน" โดยแทนสีเหลืองที่อยู่ตรงกลาง เป็น บุหลันหรือดวงจันทร์ (ทำจากไข่แดง) และแทนสีฟ้าครามที่อยู่ล้อมรอบ เป็น ท้องฟ้า (จากน้ำอัญชัน)
2. ขนมเกสรชมพู
ขนมชนิดนี้มองกันให้ดีนะเจ้าคะ ว่านั่นคือมะพร้าวขูด ไม่ใช่ข้าวเหนียว เพราะมีหลายคนเข้าใจผิดเป็น "ข้าวเหนียวแก้ว" ซึ่งที่จริงแล้วคือมะพร้าวขูดกวนกับวุ้น รสชาตินี้หม่อมขอบอกเลยเจ้าค่ะว่า รสมะพร้าว "มันติดปาก หอมติดใจ และ หวานติดปลายลิ้น"
3. ขนมโพรงแสม
ขนมโพรงแสม มีลักษณะคล้ายทองม้วนแต่ต่างตรงที่เคลือบน้ำตาล หรือน้ำแตงโม ราดพันรอบๆ โดยที่ความกรอบ หอม หวาน และมัน เข้ากันอย่างลงตัว ส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นขนมมงคลในพิธีสมรส ซึ่งแทนความหมาย ถึงความแข็งแรงมั่นคงของเสาบ้าน และให้บ่าวสาวมีความรักที่ยืนยาวหวานหอม
4. ขนมหม้อตาล
หรือ ที่เรียกว่าขนม "หม้อเงิน หม้อทอง" เป็นขนมที่นิยมใช้ในพิธีมงคลสมรส เพราะชื่อและรูปทรง ที่มีความหมายถึง หม้อที่เต็มไปด้วยเงินทอง เต็มไปด้วยสีสันของน้ำตาล ความหวาน ช่วยส่งเสริมให้บ่าวสาวรักกันยาวนาน ร่ำรวย
5. ขนมเทียนสลัดงา
ขนมเทียนสลัดงา หรือ ขนมงาสลัด เป็นขนมที่ให้ความหมายเป็นสิริมงคล เพราะเทียนนั้นแทนการส่องแสง สว่างไสวรุ่งโรจน์ ส่วนตัวข้าวเหนียวแก้ว ก็จะให้ความเหนียวแน่นเป็นปึกแผ่น และตัวงานั้นหมายถึง ความเจริญงอกงามนั่นเอง
6. ขนมพันตอง
เป็นขนมที่ต้องทานคู่กันทั้ง 2 ห่อ คือ ห่อของไส้ มีส่วนผสมของมะพร้าวกับน้ำตาลปี๊ปปั้นเป็นก้อนกลมๆ และอีกห่อเป็นส่วนของแป้ง ประกอบด้วยหัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ ความเค็มของแป้งกะทิและไส้มะพร้าวออกหวานนิด ตัดกันอร่อยกลมกล่อมอย่างลงตัว
7. ขนมดอกลำเจียก
ขนมดอกลำเจียก หรือ ขนมเกสรลำเจียก ตัวขนมมีลักษณะคล้ายดอกลำเจียกที่ออกดอกอย่างเต็มที่ ตัวกลีบเกสรแตกออก ส่งกลิ่นหอมหวนชวนถวิลหา ตัวไส้หวานมันมะพร้าว ถูกห่อด้วยแป้งข้าวเจ้าน้ำใบเตยอบด้วยควันเทียน นุ่มๆหอมๆ เคี้ยวเพลินๆ
8. ขนมโคกะทิ
ขนมโคกะทิ เป็นขนมที่ได้รับวิวัฒนาการดัดแปลงจาก ขนมโค โดยขนมโคเดี่ยวๆ จะกินแบบแห้ง แต่พอเติมน้ำกะทิลงไป ก็จะกลายเป็นขนมโคกะทิ และยังมีลักษณะคล้ายขนมหัวล้าน ซึ่งขนมหัวล้านกับขนมโคนั้น มีความแตกต่างกันที่ไส้ข้างใน หากเป็นขนมโคหรือโคกะทิจะเป็นไส้มะพร้าวผัดน้ำตาลพอหอมๆกลิ่นไหม้ๆ แต่ถ้าเป็นขนมหัวล้านจะเป็นไส้ถั่วเขียวรสชาติหวานๆมันๆ
9. ขนมไข่ปลา
เอกลักษณ์อยู่ที่รูปทรงและสีสัน ถูกประดิษฐ์ออกมาคล้ายคลึงกับไข่ปลาสีเหลือง และด้วยรสชาติความเหนียวนุ่ม หวาน มัน หอมเนื้อตาล ซึ่งต้องกินคู่กับ มะพร้าวขูดเค็มๆมันๆ เข้ากันกำลังดี ที่สำคัญใช้แป้งเดียวกับที่ทำขนมตาล จึงทำง่ายไม่ยุ่งยาก
10. ขนมสามเกลอ
ความเก๋ของขนมสามเกลออยู่ตรงที่ เป็นขนมสำหรับเสี่ยงทายในวันแต่งงาน โดยจะดูได้จากการนำลงไปทอด 3 ลูกเรียงกันถ้าทอดแล้วยังติดกันอยู่ 3 ลูก ถือว่าบ่าวสาวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ถ้าทอดแล้วติดกัน 2 ลูก อาจจะมีลูกยากหรือไม่มีเลย และถ้าไม่ติดกันเลยซักลูก แปลว่าชีวิตสมรสจะไม่มีความสุข แต่ถ้าทอดแล้วพองฟูจะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมราวกิ่งทองกับใบหยก ครบแล้ว 10 อย่าง ไหน ใครบ้างเอ่ยรู้จักครบหมดเลย (แสดงว่า 40+ ละสิ) ใครที่ยังไม่เคย อย่าลืมลองหาทานกันนะครับ ยากหน่อยแต่ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยกันอุดหนุนตามสถานที่ที่มีขายขนมเหล่านี้ แถมยังเป็นการสืบสานให้คงอยู่ต่อไป จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเลยนะครับ


ขอบคุณข้อมูลจาก : pptvthailand.com