5 ปีย้อนหลังผลประกอบการ 15 บริษัท กลุ่ม "เกษตร" ประจำไตรมาส 1/2558
TerraBKK Research รวบรวมผลประกอบการ 15 บริษัท ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเกษตร (Agribusiness) ได้แก่ ธุรกิจผักแช่แข็ง ปาล์ม ยางพารา ผลิตอาหารสัตว์ มันสำปะหลัง เป็นต้น โดยรวบรวมผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2558 บริษัทที่ทาง TerraBKK Research ได้รวบรวมมาเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดรอง SET บริษัทไหนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นและมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นบริษัทผู้นำของกลุ่มมากที่สุด
สำหรับอุตสาหกรรมการเกษตร (Agribusiness) บริษัทที่มี Performance ดีที่สุดจากที่ TerraBKK Research ได้สำรวจอัตราส่วนงบการเงิน คือบริษัท Patum Rice Mill ดำเนินธุรกิจผลิตข้าวสาร มีแนวโน้มของความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำประมาณ 0.32 เท่านั้นแต่รายได้ไตรมาสนี้ลดลง (อุตสาหกรรมการเกษตรลดลงเกือบทุกบริษัทเมื่อเทียบในไตรมาสเดียวกัน)
รายได้ (Revenue) ของกลุ่มเกษตร เป็นกลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างผันผวนเนื่องจากสินค้าเกษตรเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ขึ้นลงตามอุปสงค์และอุปทานในตลาดทำให้ควบคุมราคาได้ค่อนข้างยากอีกทั้งสินค้าเกษตรมีเรื่องของฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในอุตสาหกรรมนี้บริษัทที่มีรายได้มากที่สุด คือ Sri Trang รายได้สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาทแต่มีแนวโน้มของรายได้ลดลงเนื่องจากยางพารามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทำให้รายได้ของบริษัทลดลงตาม รองลงมาคือ GFPT แต่รายได้ไตรมาส 1 ปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว อันดับ 3 คือ Thai Rubber มีแนวโน้มเช่นเดียวกับ Sri Tang โดยภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรมีแนวโน้มรายได้ลดลง และมี 4 บริษัทที่รายได้ปรับตัวสูงขึ้น อันได้แก่ United Palm, Thai Wah, Patum Rice Mill และ Lee Feed Mill
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในเรื่องของการควบคุมต้นทุนขาย บริษัทที่มีแนวโน้มดีขึ้น ได้แก่ Thai Wah starch, Patum Rice Mill และ Thai Rubber ถึงแม้บางบริษัทจะมีรายได้ลดลงแต่ความสามารถในการควบคุมต้นทุนดีขึ้นทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้น ส่วนบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงของกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ได้แก่ Sri Trang, Thai Rubber, Thailuxe และ Patum Rice Mill อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) มากที่สุด คือ อุตสาหกรรมสำปะหลัง จากบริษัท Thai Wah 7.79% รองลงมาเป็น อุตสาหกรรมปาล์ม Univanich Palm 6.40% และอันดับ 3 คือ GFPT ทำธุรกิจอาหารสัตว์ครบวงจร ส่วนบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ได้แก่บริษัท Patum Rice Mill,Thailuxe และ Asian Seafood ตามลำดับ
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) ผลตอบแทนจากการใช่สินทรัพย์ หลายๆบริษัทลดลง ส่วนบริษัทที่ไตรมาส 1 มีแนวโน้มการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ดีขึ้น คือ บริษัท Patum Rice Mill เท่านั้น อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity) บริษัทที่สร้างผลตอบแทนให้ผู้ที่หุ้นได้เพิ่มมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ได้แก่ Univanich เพิ่ม 19.61% และ Patum Rice Mill เพิ่มขึ้น 18.34% ตามลำดับจากมากไปน้อย และบริษัทมีแนวโน้มการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มสูงขึ้น คือ Patum Rice Mill เช่นกัน
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
กำไรต่อหุ้น (Earning per Share) อัตรากำไรต่อหุ้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้น จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว มีด้วยกัน 3 บริษัท ได้แก่ Thailuxe เพิ่มขึ้น 300%, Asian Seafood เพิ่มขึ้น 14.29% และ Thai Wah เพิ่มขึ้น 11.11%บริษัทอื่นๆนอกเหนือจากนี้มีอัตรากำไรต่อหุ้นลดลงทั้งหมด
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt per Equity Ratio) บริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนมากกว่า 2 เท่า ถือว่ามากเกินไป ได้แก่บริษัท Thai Rubber 3.22 เท่า ลดลงจากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว, Asian Seafoods 2.25 เท่า ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนสูงมากกว่า 2 เท่ามาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มหนี้สินต่อทุนลดลงตลอด 3 ปี ได้แก่ GFPT และ Thailuxe - เทอร์ร่า บีเคเค
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช่ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง
บทความโดย : TerraBKK ข่าวอสังหาฯ TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก