นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนตุลาคม 2558 ฟื้นตัวขึ้นจากเดือนก่อน 7.60 จุด มาอยู่ที่ระดับ 51.47 จุด จาก 49.01 จุด ในเดือนกันยายน เป็นการปรับตัวเหนือระดับ 50 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ครั้งที่ผ่านมา มีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม โดยเพิ่มเงื่อนไขในการพิจารณาดอกเบี้ยจากเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะจีน ทำให้กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า เฟดจะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นอย่างน้อยปลายปีหรือช่วงต้นปีหน้า ทำให้ราคาทองคำฟื้นตัว โดยประเมินว่าหากเฟดเลื่อนขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นปลายปี ราคาทองคำจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,000- 20,500 บาท ต่อบาททองคำ แต่หากเฟดเลื่อนขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นต้นปี 2559 ราคาทองอาจจะมีโอกาสปรับขึ้นถึง 1,250-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ประมาณ 21,000 บาท ต่อบาททองคำ ณ ค่าเงินบาทที่ 35.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศ ขณะที่ดัชนีราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลง 4.70 จุด มาอยู่ที่ระดับ 44.58 จุด จาก 49.38 จุด ในเดือนก่อนหน้านี้ สะท้อนว่ายังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในอนาคต และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับคำแนะนำสำหรับนักลงทุนในระยะสั้น 1-2 เดือน นักลงทุนยังลงทุนได้ แต่ต้องลงทุนในระยะสั้น เพราะราคาทองคำในระยะยาวยังมีอยู่ในช่วงขาลง จากแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนนักลงทุนที่จะลงทุนในทองคำระยะยาว ควรเข้าลงทุนเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะราคาทองคำจะอ่อนตัวลงมาก โดยกรอบการเคลื่อนไหวในปีนี้ ต่ำสุดที่ 1,000-1,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ สูงสุดที่1,250-1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ด้านประเด็นค่าเงินบาทในประเทศยังผันผวนในเชิงอ่อนค่า ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศโดยตรง โดยเงินบาทอ่อนค่าลง 1.5% จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาททองคำ “ช่วงนี้แม้เงินบาทจะแข็งค่ามาเล็กน้อยกว่า 35 บาทต่อดอลลาร์ปลายๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองในประเทศลดลง เนื่องจากราคาทองในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงนี้พอดี เหตุผลที่ราคาทองโลกปรับเพิ่มขึ้นมาจากนักลงทุนเก็งกำไรเรื่องเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ก่อนหน้านี้เม็ดเงินที่ไหลกลับเข้าสกุลเงินดอลลาร์ ไหลกลับมาตลาดหุ้นเกิดใหม่อีกครั้ง เพราะแหล่งตลาดดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ และไม่จำเป็นต้องรีบคืนเงินดอลลาร์”นายกมลธัญ กล่าว กรอบค่าเงินบาทในปีนี้มองมีโอกาสอ่อนค่าแตะระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มอ่อนค่าแตะ 37.5 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงต้นปีหน้า จากภาวะความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้มองช่วงครึ่งปีแรก 2559 ราคาทองคำยังคงผันผวนจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แต่ในครึ่งปีหลังมองว่าราคาทองคำมีเสถียรภาพมากขึ้น และความต้องการทองคงมีเพิ่มขึ้นหลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) ขอขอบคุณข้อมูลจาก : แนวหน้า