สงสัยไหมว่าทำไมเรา ติดป้ายขายบ้าน ตั้งนานแล้วยังขายไม่ได้ซักที!
การจะขายบ้านซักหลังถ้าเรารู้วิธีขาย รู้กระบวนการและขั้นตอนต่างๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่หากเราไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยหล่ะ! จะทำอย่างไร .....
1.ความเรียบร้อยของบ้านตกแต่งห้องให้ดูสวยงาม หรือถ่ายรูปลงเว็บให้สวยงาม เพราะรูปตัวอย่างมีผลต่อการตัดสินใจดูห้องห้องตัวอย่างอีกทีหนึ่ง สภาพบ้านควรทำความสะอาด ซ่อมแซมและตกแต่ง ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมขาย การทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านให้เป็นระเบียบ จะทำให้คุณสามารถขายบ้านได้ง่ายขึั้น เมื่อคนซื้อมาดูบ้านแล้วเห็นบ้านสกปรก มีของเกะกะ มีกลิ่นอับ มีของชำรุดไม่เรียบร้อย เช่นทรุดโทรมมาก ฝ้าทะลุ บ้านมีรอย ส่งผลต่อจิตใจของผู้ซื้อ อาจทำให้ผู้ที่สนใจเกิดอคติต่อบ้านได้ ทำให้ขายบ้านได้ยากกว่าปกติ หรืออาจจะโดนกดราคาให้มากที่สุด เพราะหากผู้ที่ซื้อไปแล้วต้องลงทุนซ่อมแซมบ้านอีก ดังนั้นเราจึงความทำความสะอาดบ้าน แซ่มแซมตกแต่งให้ดูเรียบร้อย หรือพูดง่ายๆว่าควรจะอาบน้ำ ทาแป้งซักหน่อยเพื่อให้น่าสนใจ และทำให้บ้านเราอัพราคาได้มากขึ้นด้วย
2. การตั้งราคาบ้านให้เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุน และราคาตลาดในทำเลใกล้เคียงดูคู่แข่งที่ขายบ้านโครงการเดียวกัน หรือใกล้ๆกัน ลองสำรวจมาก่อนว่าเขาขายราคาประมาณเท่าไร ไม่ควรขายแพงกว่าเขา หรือถ้าแพงกว่าจริงเราต้องมีจุดขายของเราที่เด่นกว่า การตั้งราคาบ้าน หรือคอนโด จะทำให้ขายได้ง่าย การตั้งราคาที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะถ้าตั้งต่ำไปก็ขาดทุน แพงไปก็ขายไม่ได้ดังนั้นควรต้องให้ใกล้เคียงกับราคาตลาด โดยเช็คราคา ตลาดไง ลองดูบ้าน ที่ประกาศขายในพื้นที่ในหมู่บ้าน อาคารเดียวกันกับเรา หรือในซอยเดียวกัน หรือซอยใกล้ๆกับคุณ ควรเปรียบเทียบกับบ้านที่มีลักษณะเดียวกัน วิธีเช็คอาจไปค้นในอินเตอร์เน็ต หรือลองโทรไปถามราคาบ้านเหล่านั้น ลองถามรายละเอียดว่าเค้ามีของแถมอะไรให้บ้าง เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็นำมาเปรียบเทียบกันดูอย่างเป็นกลางไม่ควรตั้งราคาสูงกว่าราคาตลาด เพราะจะทำให้ขายบ้าน ได้ยาก และใช้เวลานานกว่าขายได้
"ความที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการตั้งราคาขายที่คนขายส่วนใหญ่มักมีข้อคิดเห็น หรือคาดการ์ณว่า ทำเลบ้านที่จะขายกำลังมีรถโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้างอยู่ (เป็นเรื่องจริงที่ราคาบ้านจะขยับตัวสูงขึ้น แล้วแต่ทำเล และสภาพของบ้านนั้นๆ) เพราะฉะนั้นคนขายเองจะคิดว่าต้องขายได้ราคาสูงแน่ๆ......นี้คือความเชื่อ หรือสมมุติฐานของผู้ขายเองเท่านั้นว่าบ้านจะต้องขายราคาสูงๆ เพราะกำลังมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น จะขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2ชั้น 3ห้องนอน 2ห้องน้ำ 1ที่จอดรถ โดยราคาตลาดในระแวกใกล้เคียงอยู่ที่ 2ล้าน แต่คนขายส่วนใหญ่จะต้ังราคาจากความเชื่อ หรือสมมุติฐานว่าบ้านตนต้องขายได้ 3ล้าน เพราะทำเลดี ใกล้โครงการรถไฟฟ้า แต่หากมองอย่างมีเหตุมีผลและตั้งอยู่บนความเป็นจริงในปัจจุบัน ขณะที่บ้านกำลังจะขายนั้นราคานั้นต้องอยู่ในราคาตลาดไม่ใช่ราคาอนาคต ถ้าต้องการจะขายราคาอนาคตก็คงต้องรอถึงตอนที่โครงการรถไฟฟ้าสร้างเสร็จก่อน ซึ่งถ้าเจาะรายละเอียดให้ลึกลงไปอีกก็ไม่สามารถจะทราบได้ว่าราคาอนาคตที่คาดการ์ณเอาไว้จะสูง หรือต่ำกว่าที่คิดไว้ก็ได้"
3.ใช้บริการนายหน้า หรือโบรกเกอร์บ้านบริการของบริษัทนายหน้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งจะทำให้คุณขายบ้านได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมาขึ้น เพราะนายหน้าจะมีความรู้ มีประสบการ์ณ มีฐานลูกค้า มีการทำโฆษณา หรือการตลาดให้ทุกอย่าง และมีความชำนาญในการขายบ้าน แต่จะมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่นให้แก่นายหน้า เมื่อนายหน้าทำการขายบ้านได้แล้ว (การจะใช้บริการฝากขายบ้านกับนายหน้าก็อย่าลืมตรวจสอบประวัติ และข้อมูลการทำงานของนายหน้าคนนั้นก่อนที่จะใช้บริการด้วยเพราะปัจจุบันมีข่าวการต้มตุ๋นหลอกหลวงมากมาย เพื่อความปลอดภัย)
4.โปรโมชั่นดึงดูดใจผู้ซื้อบ้านมากน้อยแค่ไหนมีอะไรดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อบ้างนอกจากตัวบ้าน หรือคอนโด เช่น ค่าโอนฟรี แถมเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าทำสวนฟรี ฯลฯ บ้านของคุณจะเด่นดึงดู้ผู้ซื้อ และได้เปรียบคู่แข่งมากยิ่งขึ้น
5.ทำการตลาด หรือโฆษณามากพอหรือป่าว?การตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์การขายบ้านให้คนอื่นรู้เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งทำโฆษณามากคนก็ยิ่งรู้เยอะ โอกาสในการขายก็มากขึ้นตามมา (ให้ลองนึกถึงชาเขียวยี่ห้อหนึ่งที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันทั้งประเทศ ถ้าชาเขียวยี่ห้อนี้ไม่ทำการตลาดไม่ทำโฆษณาก็ยังขายได้ แต่ทำไมถึงต้องทำโฆษณาด้วย ไม่ว่จะเป็นการทำโฆษณา และการตลาดผ่านหนังสือ ผ่านทีวี หรือคลื่นวิทยุร่วมทั้งมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆมากมายเพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าและเพิ่มฐานลูกค้า) เพราะฉะนั้นการทำการตลาด หรือโฆษณาสำคัญมากๆ ไม่ควรละเลยเด็ดขาด
6.คำพูด และการเจรจาการพูดคุยเมื่อมีลูกค้าสนใจบ้านควรใช้คำพูดที่สุภาพ น่าฟัง ไม่ใช้น้ำเสียงที่กระแทกกระทั้น พูดห่วนๆ หรือแสดงถึงความรำคาญเวลาเจอลูกค้าถามข้อมูล ติชมเพราะถ้าเราใช้คำพูดที่ไม่ดี ไม่น่าฟังอาจจะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไม่อยากซื้อบ้าน หรือคอนโดเราก็ได้ คงไม่มีลูกค้าคนไหนอยากจะซื้อบ้านกับเจ้าของบ้านที่พูดจาไม่ดีแน่ๆ
เมื่ออ่านบทความนี้แล้วให้คุณลองนำข้อมูลทั้งนี้มาพิจารณาดูว่าบ้านที่คุณขายทำไมถึงยังขายไม่ได้ซักที ขาดปัจจัยในข้อไหนไป และลองนำมาปรับใช้ดูนะครับ :)
ขอบคุณข้อมูล จาก พีระภัทร เอื้อจิตรเมต บริษัทเรียลตี้วัน เอสเตท ประเทศไทย จำกัด