เดอะ ซอนเน่ ศรีนครินทร์ บางนา
จุดเด่นโครงการ
ลักษณะโครงการ
บ้านแฝดพื้นที่โครงการ
12 ไร่จำนวนชั้น
3 ชั้นลักษณะโครงการ | : บ้านแฝด |
---|---|
เจ้าของโครงการ | : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) |
พื้นที่โครงการ | : 12 ไร่ |
ที่ตั้ง | : ดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร |
จำนวนอาคาร | : 56 อาคาร |
---|---|
จำนวนชั้น | : 3 ชั้น |
โครงการแล้วเสร็จ | : n/a |
มูลค่าโครงการ | : n/a |
รายละเอียดโครงการ
The Sonne มิติใหม่ของ Luxury Duplex Home จากสถาปัตยกรรมชิ้นเอกสู่ความสุขทุกเจเนอเรชั่น
ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์อสังหาฯ ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา สำหรับ AP (เอพี ไทยแลนด์) กับเป้าหมายหลัก คือ สร้างนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ล่าสุด AP มาพร้อมแบรนด์ใหม่ที่จะมาฉีกกฎแห่งการอยู่อาศัยอีกครั้ง ในชื่อแบรนด์ The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา โครงการแนวราบระดับลักซ์ชัวรี่ ในรูปแบบของ Luxury Duplex Home ที่เชื่อว่าจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการอยู่อาศัย โดยโครงการใหม่นี้ที่เพิ่งอุ่นเครื่องปรากฏตัวในงาน AP World เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 โปรเจ็กต์ไฮไลต์ ภายใต้แกนปรัชญา JOY ว่าด้วยเรื่องของความสุขในการอยู่อาศัย เริ่มต้นจากความอุ่นใจของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
มากกว่าความงดงาม คือ รองรับความสุขทุกเจเนอเรชั่น
คำว่า The Sonne มาจากศัพท์ภาษาเยอรมัน แปลว่า “แสงอาทิตย์” ที่สะท้อนให้เห็นตัวตนของแบรนด์ ว่า AP ไม่ได้วาง Position ให้ The Sonne เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้องการสื่อถึงความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ได้นำความงามของการใช้แสงและเงาสะท้อน มาผสมผสานกับสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก เกิดเป็น Timeless Masterpiece หรือผลงานชิ้นเอกที่มีความงดงามเหนือกาลเวลา หากมองในเชิงมูลค่าคุณสมบัตินี้ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้ The Sonne กลายเป็นสินทรัพย์เหนือกาลเวลาที่สามารถส่งมอบไปสู่ทายาทรุ่นต่อๆ ไปได้
แต่ความโดดเด่นเหนืออื่นใด คือ The Sonne เป็นบ้านโมเดลใหม่ล่าสุดที่พัฒนามาจากการศึกษาความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง เพื่อออกแบบพื้นที่รองรับการอยู่อาศัยที่แท้จริงของกลุ่มครอบครัวใหญ่ ขณะเดียวกันก็แฝงความทันสมัยด้วยรสนิยมสมัยใหม่
3 ปรัชญาแห่งการอยู่อาศัยแบบฉบับ The Sonne
ต้องยอมรับว่าเป็นความท้าทายของ AP ในการหาส่วนผสมที่ลงตัวเพื่อสร้างสรรค์ The Sonne ให้ออกมาเป็น Luxury Duplex Home เพราะนี่เท่ากับเป็นการยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่ในที่สุด The Sonne ตกผลึกความเป็น The New Original ของแบรนด์มาเป็น 3 ปรัชญาหลัก ได้แก่
1.A DESIGN DEFINES ORIGINAL ME : The Sonne นำแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมคลาสสิคผ่านการตีความใหม่สไตล์โมเดิร์น เพื่อสร้างความรู้สึกแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ โดยใช้ความงามของแสงและเงาที่ตกกระทบในแต่ละรายละเอียดของตัวบ้านมาเล่นเป็น Gimmick ที่งดงามไม่รู้เบื่อ สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร
2.DESIGN THAT DEFINES RELATIONSHIPS : การออกแบบพื้นที่และฟังก์ชั่นต่างๆ ภายใน The Sonne ส่งเสริมความสัมพันธ์ของครอบครัว แต่ขณะเดียวกันยังให้ทุกคนในครอบครัวได้มีมุมส่วนตัวในการใช้ชีวิตในแบบของตนเอง รวมถึงการวางทิศทางของแสงแดดและลมที่พาดผ่านตัวบ้านให้ความงดงามที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา
3.DESIGN THAT DEFINES PRECIOUS ATTRACTION : มูลค่าและคุณค่าของทําเลแห่งอนาคตที่กำลังพัฒนาสู่ย่านที่อยู่อาศัยที่ครบครันมากยิ่งขึ้น โดยยังคงแสดงถึงความงดงามทางสถาปัตยกรรมเหนือกาลเวลา ที่พร้อมส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานในรุ่นต่อๆไป
ทำเลแห่งอนาคต ส่งต่อคุณค่าแห่งความงาม จากรุ่นสู่รุ่นถัดไป
เพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญาหลักทั้ง 3 นี้ ส่วนผสมที่จะขาดไม่ได้เพื่อมาเติมเต็มองค์ประกอบนี้ คือ การมองขาดในเรื่องทำเล โดย The Sonne เป็นโครงการ Luxury Duplex Home ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 12 ไร่ ที่ไม่เพียงคงเอกสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวเพียง 56 ยูนิต แต่ยังตั้งอยู่บนทำเลศรีนครินทร์ – บางนา (ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 28) พื้นที่รอยต่อระหว่างแหล่งธุรกิจและพื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่ เชื่อมต่อเมือง ด้วยเส้นทางหลักบางนา-ตราด อุดมสุข พัฒนาการ (ตัดใหม่) รวมถึงทางด่วนบูรพาวิถี วงแหวนรอบนอก และมอเตอร์เวย์ ที่จะเชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วและง่ายได้
เส้นทางทั้งหมดนี้จะช่วยให้เชื่อมต่อกับโซน CBD ของกรุงเทพมหานคร ทั้งโซนสุขุมวิท และพระราม 9 อีกทั้งเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางออกนอกเมืองไปสู่พื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่ (EEC) และเมืองท่องเที่ยว ตลอดจนอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเส้นทางการบินหลักเพื่อการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ
นอกจากนี้โซนศรีนครินทร์และบางนา ยังนับเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่โซนตะวันออก (EEC) มีจํานวนอาคารสํานักงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่รองรับคนในพื้นที่ถึง 4 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล บางนา, พาราไดซ์ พาร์ค, ซีคอนสแควร์ และเมกาบางนา อีกทั้งมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์แบบ Mixed-use เกิดขึ้นหลายแห่ง อย่าง
- THE BANGKOK MALL โครงการพาณิชยกรรมขนาดใหญ่กินพื้นที่ทั้งหมด 100 ไร่ ประกอบด้วยศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และอาคารสํานักงานให้เช่า
- MEGA CITY BANGNA (PHASE2)
ความอุดมสมบูรณ์ของทําเลในอนาคตเหล่านี้ ทั้งความเป็นพื้นที่อํานวยความสะดวกต่อการเดินทาง ขณะเดียวกันยังเอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างสงบ จึงมีโครงการบ้านจัดสรรมากมายเข้ามาจับจองพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้จํานวนที่ดินเปล่าในโซนนี้ มีแต่จะน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้น มูลค่าและคุณค่าของที่ดินโซนนี้จึงมีแต่จะสูงขึ้นและควรค่าแก่การครอบครอง
จาก “เมกาบางนา” ที่กำลังจะถูกยกระดับเป็น “เมกาซิตี้” เพื่อสร้างให้เป็น “เมืองแห่งกรุงเทพตะวันออก” บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ เป็น Mixed-use Project ขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งศูนย์การค้าเมกาบางนา สถาบันการศึกษา คอนโดมิเนียม โรงแรม ศูนย์รวมความบันเทิงและความรู้ สวนสาธารณะ รองรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 250,000 คนต่อวัน
ทุกฟังก์ชั่นมาจากความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง
อย่างที่เกริ่นไปบ้างแล้วว่า ตัวโครงการคิดค้นในทุกรายละเอียดของการอยู่อาศัย ตกผลึกมาจากความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจากการศึกษาและมุ่งเสาะแสวงหาการพัฒนาเพื่อความสุขของผู้อยู่อาศัยมาอย่างยาวนาน The Sonne ตีโจทย์อินไซต์ที่มาปลดล็อคความต้องการของกลุ่ม Uniqueness ที่ต้องการบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยที่ชาญฉลาด เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย แต่แฝงไปด้วยรสนิยมสมัยใหม่อยู่เสมอ
ความต้องการของคนกลุ่มนี้ คือต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในครอบครัวขนาดเริ่มต้นที่อาจมีแผนขยายขนาดครอบครัวไปถึง 4-5 คน การมองหาพื้นที่เพื่อการอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัว จึงเริ่มมองหาพื้นที่ที่สอดคล้องกับความต้องการของตนเอง คู่แต่งงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องการยกระดับชีวิตที่ดี มีคุณภาพชีวิตจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่ดี ได้มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น มีความภาคภูมิใจที่ได้มีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง
UNIVERSAL DESIGN FOR ALL GENERATION
จากการเอาใจใส่ความต้องการของผู้อยู่อาศัย ตัวบ้านของ The Sonne จึงออกแบบฟังก์ชั่นของห้องต่างๆ ให้สอดคล้องกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้านที่ห้องนอนล่างสำหรับผู้สูงอายุ ห้องนั่งเล่นและห้องอาหารขนาดใหญ่ ครัวปิดที่เป็นสัดส่วน ห้องน้ำไม่มีสเต็ป และทางลาดเพื่อรองรับสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็น
ดีไซน์พื้นที่ชั้น 2 ให้มากยิ่งขึ้นโดยได้ผสมผสานข้อดีของตัวบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมไว้อย่างลงตัว เพิ่มพื้นที่ห้องนอนมาสเตอร์และห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ไปจนถึงมีพื้นที่ His&Her ที่ให้คู่รักได้มีพื้นที่เป็นของตนเองได้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ชั้น 3 ห้องนอนที่ 2 และ 3 นอกจากจะมีห้องน้ำในตัวแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับเป็นทำเป็น walk in closet เพื่อให้ทุกคนได้ขยายความเป็นตัวของตัวเองได้มากกว่าที่เคย
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ สมบูรณ์ด้วย The Panoramic Gym ฟิตเนสพร้อมวิวสีเขียวแบบพาโนรามิก , Multi-gen Swimming Pool สระว่ายน้ำดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Enclosed Space มอบความเป็นส่วนตัวตลอดการใช้งานของทุกเจเนอเรชั่น, The White Lounge ห้องรับรอง , The Poetry Garden สวนสีเขียวที่ให้ความร่มรื่นตลอดวัน, The Above Rooftop Bar รูฟท็อปบาร์ที่ให้คุณได้ดื่มด่ำกับวิวพระอาทิตย์ตกเย็นพร้อมการสังสรรค์ของกลุ่มเพื่อนๆ และ KATSAN นวัตกรรมความปลอดภัยรูปแบบใหม่ จาก AP ที่จะทำให้ทุกชีวิตนั้นอบอุ่นและปลอดภัยกว่าที่เคย ด้วยความงดงามเชิงสถาปัตยกรรมคลาสสิค ที่นำมาลดทอนเพื่อให้เหมาะกับยุคสมัย ผสมผสานกับกลิ่นอายความร่มรื่นของสวนหลวง ร.9 เพื่อสร้างเป็นพื้นที่ชวนอบอุ่น รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วน
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของสวนที่ได้แบ่งออกเป็นฟังก์ชั่นต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับผู้อยู่อาศัยในโครงการที่มีหลากกลายเจเนอเรชั่น
- KIDS GARDEN เน้นการออกแบบเสริมการเรียนรู้ โดยนอกจากจะใช้ water feature เป็นส่วนเสริมงานดีไซน์แล้ว เด็กๆยังสามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุได้อีกด้วย
- FAMILY GARDEN เน้นสร้างความโรแมนติก ด้วยซุ้มต้นไม้ร่มรื่น มีแสงแดดลอดผ่านรําไร โดยสามารถนั่งพักผ่อนได้อย่างลงตัว และยังมีพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้นั่งพักผ่อนและสร้างกิจกรรมร่วมกันได้อีกด้วย
- ACTIVE GARDEN เน้นการออกแบบเพื่อตอบสนองกิจกรรมสปอร์ต เช่น มีพื้นที่จอดจักรยาน พื้นที่ออกกําลังกาย พื้นที่เดินเล่น
- FLOWERY GARDEN การใช้ไม้ดอกหลากหลายสีสันมาช่วยเติมความมีชีวิตชีวาให้กับสวน พร้อมด้วยพาวิลเลียนอเนกประสงค์ และแนวต้นไม้สูงที่ทอดตัวยาว มอบร่มเงาและสีเขียวสบายตาให้กับทุกการใช้งานของคนในทุกวัย
จากรายละเอียดที่ผสมผสานจุดแข็งมากมายเหล่านี้ เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับความเป็น Space for all generations โดย The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา โครงการแฟล็กชิพแห่งแรกของแบรนด์ มีที่ดินเริ่มต้นอยู่ที่ 40.8 ตร.วา เริ่มต้นพื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่จอดรถ 2 คัน Public Pre-sale: 7-8 ก.ย. นี้ ลงทะเบียนเพื่อนัดหมายเข้าชมโครงการที่ https://bit.ly/2LndrdG Call Center: 1623
ดูเพิ่มเติม