จากข้อมูล สถิติการจดทะเบียนหย่าปี 2559 ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย TerraBKK พบว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการหย่าร้างมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 27 (ปี 2549) เพิ่มเป็นร้อยละ 39 (ปี 2559) ซึ่งในปี 2559 มีคนไทยจดทะเบียนสมรสรวม 307,746 คู่ และมีผู้จดทะเบียนหย่าจำนวน 118,539 คู่ เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว และเมื่อหนึ่งเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน คือ การพิจารณาความสามารถในการผ่อนจ่ายของผู้ยื่นขอสินเชื่อ ดังนั้น “การกู้ร่วม” ที่สามารถรวมความสามารถในการผ่อนจ่ายของทั้งคู่สมรส จึงทำให้โอกาสครอบครองบ้านในฝันเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น และนั้นก็ตามมาซึ่ง ภาระผูกมัดและภาระหนี้จากการถือครองกรรมสิทธิ์บ้านร่วมกัน ไปด้วยเช่นกัน 

            TerraBKK ขอสะท้อน ปัญหาการเงินจากการกู้ร่วมซื้อบ้านของคู่รักที่ไม่สมหวัง แม้ความรักของคุณจะไม่คงที่ แต่ดอกเบี้ยจากภาระหนี้บ้านจะอยู่คงทนกับคุณอย่างแน่นอน โดยขอยกตัวอย่างเป็นเหตุการณ์สมมติ ดังนี้

“ สามีภรรยาคู่หนึ่งอายุ 35 ปี มีรายได้ครอบครัวเฉลี่ยเดือนละ 85,000 บาท

(สามี 50,000 บาท และภรรยา 35,000 บาท อัตราการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ย 3%ต่อปี)

ต้องการซื้อบ้านหนึ่งหลังเป็นของตนเอง

สามีสนใจบ้านแฝดย่านชานเมืองราคา 3.75 ลบ. แต่ภรรยาต้องการบ้านเดี่ยวชานเมืองราคา 5.65 ลบ.

คาดว่าจะซื้อบ้านโดยขอสินเชื่อกู้ร่วม วงเงินสินเชื่อ 85% ของราคาขาย ระยะเวลา 25 ปี

ทั้งคู่รักใคร่ปองดองกันดีจนเข้าปีที่ 7 ชีวิตคู่ก็จบลง ”

จากตารางข้างต้น ธนาคารอนุมัติวงเงิน 85%ของราคาขาย วงเงินกู้ซื้อบ้านเดี่ยวอนุมัติ 4.8 ล้านบาท อัตราการผ่อนชำระ 33,500 บาทต่อเดือน ขณะที่ วงเงินกู้ซื้อบ้านแฝดอนุมัติ 3.2ล้านบาท อัตราการผ่อนชำระ 22,300 บาทต่อเดือน

  ณ ปีที่ 1 (ความรักหวานชื่น)  

การประเมินความสามารถผ่อนชำระหนี้สูงสุดที่ 40% ของรายได้ จะพบว่า สามี = 50,000 x 40% =20,000 บาทต่อเดือน ภรรยา =35,000 x 40% =14,000 บาทต่อเดือน 

TerraBKK สังเกตได้ว่า รายได้ต่อเดือนเพียงลำพัง คนใดคนหนึ่ง ไม่เพียงพอต่อการผ่อนจ่ายธนาคาร (บ้านเดี่ยว 33,500บาทต่อเดือน , บ้านแฝด 22,300 บาทต่อเดือน) ทั้งคู่จึงจำเป็นต้องใช้วิธีกู้ร่วม เพื่อทำให้ระดับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 34,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อการผ่อนจ่ายทรัพย์ 1หลังในครั้งนี้ (บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด) โดยถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน

  ณ ปีที่ 7 (ความรักจบลงด้วยการหย่า)  

ช่วงเวลาที่อาจก่อวิกฤติกับคนทั้งคู่ เนื่องจากทั้งคู่ถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน ไม่ว่าจะกระทำอะไรขึ้นกับทรัพย์นี้ ย่อมต้องได้รับความยินดีจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุกคนเสียก่อน

    • ต้องการขายบ้าน ก็ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ซึ่งบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีสภาพคล่องในการขายมากนัก จำเป็นต้องใช้เวลาเฉลี่ย 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
    • ต้องการยกกรรมสิทธิ์บ้าน ให้เป็นของผู้กู้ร่วมอีกคนเพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะใช้วิธีหามาปิดภาระหนี้ หรือรีไฟแนนซ์ ต้องติดต่อทางธนาคาร รวมทั้งต้องทำเรื่องเดินเอกสารที่กรมที่ดิน พร้อมจ่ายคาธรรมเนียมต่าง ๆให้ถูกต้อง
    • ภาระหนี้ผ่อนจ่าย ยังเดินหน้าไปเรื่อย ไม่ได้หยุดตามความรักที่จบลง

จากตารางข้างต้น เมื่อรายได้ต่อเดือนเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ความสามารถในการผ่อนจ่ายจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ณ ปีที่ 7 เมื่อประเมินความสามารถผ่อนชำระหนี้สูงสุดที่ 40% ของรายได้ จะพบว่า สามี = 59,703 x 40% = 23,881 บาทต่อเดือน  ภรรยา =41,792 x 40% = 16,717 บาทต่อเดือน   สถานการณ์ความเป็นไปอาจเกิดเป็น 2 กรณี ดังนี้

    • กรณีซื้อบ้านแฝด ด้วยภาระผ่อนจ่าย 22,300 บาทต่อเดือน ยังคงอยู่ในความสามารถผ่อนชำระหนี้ 40% ของรายได้ของสามี (23,881 บาทต่อเดือน) ดังนั้น หากสามีต้องการอยู่อาศัยบ้านหลังนี้ต่อไป ก็สามารถผ่อนจ่ายเองได้ หรืออาจจะใช้วิธีรีไฟแนนซ์ก็สามารถทำได้เช่นกัน
    • กรณีซื้อบ้านเดี่ยว ด้วยภาระผ่อนจ่าย 33,500 บาทต่อเดือน ทำให้ไม่มีใครคนใดสามารถผ่อนจ่ายได้เพียงลำพัง ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะการผ่อนชำระ , การประกาศขาย ,การรีไฟแนนซ์ หรือการหาคนกู้ร่วมใหม่

              ท้ายที่สุด หากคุณผ่อนจ่ายไม่ตรงเวลาตามธนาคารกำหนด จะต้องถูกคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้สูงสุดร้อยละ 15 และอาจจะนำมาซึ่งวิกฤติการเงินของคนทั้งคู่ก็เป็นได้ ( แบ่งสินทรัพย์เมื่อรักมันจาง ,  ทางออกเมื่อต้องการถอนชื่อผู้กู้ร่วม )   TerraBKK ฝากไว้ว่า ความไม่แน่นอนในความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากจำเป็นต้องทำธุรกรรมใดที่เป็นการผูกมัดข้องเกี่ยวกับคู่สมรส โดยเฉพาะธุรกรรมการเงินอย่าง “การกู้ร่วม” ด้วยแล้ว ความไม่ประมาทหรือไม่ทำอะไรเกินตัว น่าจะเป็นหนึ่งวิธีเรียกสติกลับมาก่อนที่จะไม่เหลืออะไรในวันที่คุณเลิกกัน ---TerraBKK

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก