4 หนังสือสร้าง แรงบันดาลใจ ของคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจชีวิต
หนังสือที่ดี คือหนังสือที่อ่านจบแล้วให้อะไรกับชีวิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีผลสำรวจออกมาว่าคนไทยทั่วไปอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละไม่เกิน 8 บรรทัด แต่ก็มีคนไทยอีกหลายกลุ่ม ที่รักในการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ ในครั้งนี้จะขอนำเสนอหนังสือที่ได้รับความนิยมทั้งสัญชาติไทยและเทศ ในด้านของการเป็นหนังสือสร้าง แรงบันดาลใจ และพลังความคิดในแง่บวก ซึ่งเป็นหนังสือขวัญใจนักอ่านยุคใหม่หลายกลุ่มทั่วโลก
1. Who moved my cheese - ใครเอาเนยแข็งของฉันไป
Spencer Johnson, M.D. : เขียน, ประภากร บรรพบุตร : แปล
หนังสือว่าด้วยการเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจง่ายและตรงใจที่สุดเล่มหนึ่ง ถึงแม้หนังสือเล่มนี้จะตีพิมพ์มาแล้วกว่า 18 ปี แต่เนื้อหาในเล่มนั้นไม่ได้ล้าสมัยไปเลยแม้แต่น้อย โดยได้ตีพิมพ์แล้วกว่า 10 ล้านเล่มทั่วโลก และแปลไปแล้วมากกว่า 40 ภาษา ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเครื่องการันตีได้ว่า หนังสือเล่มนี้นั้่นเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกสำหรับการเป็นที่ปรึกษาในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
“การเปลี่ยนแปลง” ที่ถูกเล่าผ่าน ดร.สเปนเซอร์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้นั้น เรียบง่ายเป็นที่สุด เพราะเล่าเรื่องคล้ายนิทาน ผ่านตัวละครหลักคือหนู 2 ตัวและมนุษย์จิ๋ว 2 คน ที่เปรียบเสมือนด้านต่างๆในตัวของคนเรา ความยึดติดและการปรับตัว เป็นเนื้อหาหลักที่หนังสือเล่มนี้พยายามบอกเล่าให้กับผู้อ่านทุกคน
แม้กระทั่งนักเขียนไทยยุคใหม่ที่เป็นที่รู้จักอย่าง “นิ้วกลม” ยังได้เคยหยิบยกหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาในผลงานเขียนรวมเล่มในหนังสือชื่อ “CHANGE” ที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ a book ซึ่งว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงที่กระทันหันและค่อนข้างปวดร้าว แต่สามารถเข้าใจมันได้ ด้วยการกลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้ “Who moved my cheese”
2. เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
คิมรันโด : เขียน, วิทิยา จันทร์พันธ์ : แปล
หนังสือสัญชาติเกาหลีที่ดึงดูดสายตากว่าหนังสืออื่นๆบนแผง ด้วยรูปเล่มสีส้ม ชื่อหนังสือที่สะกิดใจ และภาพประกอบที่ดูมีความหมาย หนังสือเล่มนี้ติดอันดับหนังสือขายดีในร้านหนังสือชั้นนำของไทยอยู่นาน เหตุผลก็เพราะเนื้อหาในเล่มที่มันจับใจของคนอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาวัยปริญญาตรีทุกคน
ผู้เขียนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่แรกเขียนเพื่อหวังให้ลูกชายอ่าน ผ่านเรื่องเล่าและประสบการณ์ที่เขาพบปะจากลูกศิษย์วัยรุ่นในมหาวิทยาลัย ภาพบนปกหนังสือเป็นรูปบัณฑิตโอบอุ้มบัณฑิตด้วยกัน คล้ายการให้กำลังใจคนที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยว่ายังต้องมีเรื่องฝ่าฟันกันไปอีกมาก สิ่งที่อาจารย์คิมรันโด ผู้เขียนเล่มนี้พยายามจะบอก คือการผลิดอกงดงามของชีวิตแต่ละคนนั้น มีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เปรียบชีวิตเป็นจิ๊กซอว์จำนวน 29,200 วัน ที่ค่อยๆต่อเข้าด้วยกัน สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าความสำเร็จในช่วงเวลาอันใกล้ คือการเข้าใจความต้องการในชีวิต
3. Into the wild : เข้าป่าหาชีวิต
Jon Krakauer : เขียน, ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ : แปล
หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จ กระทั่งได้ถูกนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกับหนังสือมาแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องจากประสบการณ์จริงของชายหนุ่มที่ชื่อว่า Chris McCandless วัย 24 ปี ที่ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตมีแบบแผนมาตลอด จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ความขบถในตัวของเขาเริ่มเติบโตขึ้น เด็กหนุ่มเผาทุกสิ่งที่มี และใช้เงินที่เก็บมาทั้งหมดซื้อของที่จำเป็น และออกเดินทางสู่อลาสก้า เพื่อใช้เวลาในป่าตอบคำถามที่สงสัยมานานกับชีวิต
หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายให้ผู้อ่านเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ยังดึงความขบถในใจของผู้อ่านออกมาด้วย มีคนไม่น้อยที่หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ได้เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเพื่อตอบคำถามของตัวเอง
4. TRY
วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ : เขียน
ชื่อผู้เขียนอาจจะเป็นที่คุ้นหูมากกว่าในชื่อ “โหน่ง a day” ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day นั่นเอง ผลงานของวงศ์ทนงนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นการอัดแน่นไปด้วยการให้กำลังใจและการสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อ่าน ซึ่งถูกจริตกับชีวิตของวงศ์ทนง ที่เป็นคนประเภทใช้แรงบันดาลใจในการท้าทายความสำเร็จ แล้วบังเอิญว่าวงศ์ทนงก็ประสบความสำเร็จจริงๆซะด้วย
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือรวมเล่มในคอลัมน์ “วงศ์ทนงสอนน้อง” ที่ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร a day เนื้อหาก็เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับการออกตามหาความฝัน การกล้าขบถกับความจำเจ การผลักดันให้ผู้อ่านกล้าลุกขึ้นมาขีดเขียนเส้นทางของตัวเอง
ด้วยการเป็นคนหัวทันสมัยและจะว่าบ้าบิ่นหน่อยๆก็ได้ วงศ์ทนง จึงเป็นคล้ายแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะใช้ชีวิตตามความฝันของตัวเอง ด้วยคำพูดติดปากของเขาที่มักพูดเสมอว่า “วิธีจัดการกับความฝัน คือการทำมันให้เป็นจริง” -- เทอร์ร่า บีเคเค
บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.